วารสารวัฒนธรรม เมษายน - มิถุนายน ๒๕๕๗ - page 18
18
หมอล�
ำ
เป็
นศิ
ลปะการแสดงพื้
นบ้
าน
ชาวอี
สานที่
เกิ
ดขึ
้
นมาช้
านาน มี
การปรุ
งแต่
งพั
ฒนารู
ปแบบ
และสื
บทอดต่
อเนื่
องกั
นมา โดยภาพรวมคื
อความเป็
น
ศิ
ลปะการแสดงของระดั
บภู
มิ
ภาคที่
รั
บรู
้
ทั่
วไปว่
าเป็
น
วั
ฒนธรรมการแสดงของภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อและภาพย่
อย
คื
อรายละเอี
ยดของสิ่
งปรากฏอยู
่
ในสารั
ตถะของหมอล�
ำ เช่
น
ภาษา ส�
ำเนี
ยง ท�
ำนอง ดนตรี
ภู
มิ
ปั
ญญาของศิ
ลปิ
นที่
น�
ำเสนอ
ด้
วยเรื่
องราวของความเชื่
อ ศาสนา สภาพการณ์
ที่
เกิ
ดหรื
อ
มี
ในสั
งคม การประกอบอาชี
พ ขนบธรรมเนี
ยม วิ
ถี
ปฏิ
บั
ติ
ของชุ
มชน ผ่
านบทกวี
ที
่
เป็
นร้
อยกรองในรู
ปค�
ำกลอน เพื่
อ
ให้
ผู
้
สดั
บรั
บฟั
งเข้
าใจ เข้
าถึ
งสิ่
งที่
น�
ำเสนอ ผสานร่
วมไปกั
บ
รสแห่
งความรื่
นรมย์
ทั้
งยั
งเป็
นบทเรี
ยนของการเรี
ยนรู้
รั
บรู้
และเชื่
อมต่
อกั
นทางด้
านศิ
ลปวั
ฒนธรรม
นิ
ยามของหมอล�
ำ ตามความหมายที่
มี
อธิ
บาย
ในพจนานุ
กรมฉบั
บราชบั
ณฑิ
ตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ว่
า
“ผู
้
ช�
ำนาญในการขั
บร้
องแบบอี
สาน”
เมื่
อแยกพิ
จารณา
โดยเชื่
อมโยงความรู
้
ความคิ
ดของผู
้
ทรงความรู
้
หลายท่
านที่
อธิ
บายไว้
“หมอ” หมายถึ
ง ผู
้
รู
้
ผู
้
ช�
ำนาญ ค�
ำและความหมายนี้
ใช้
ทั่
วไปในภาษาไทย ดั
งพบค�
ำว่
า หมอยา หมองู
หมอเสน่
ห์
หมอเวทย์
คุ
ณไสย ในภาษาอี
สานมี
ค�
ำว่
า หมอแคน หมอล�
ำ
โดยนั
ยของค�
ำว่
าหมอคื
อผู
้
มี
ความรู
้
ความช�
ำนาญในสิ
่
งที่
บุ
คคลผู
้
นั้
นมี
อยู
่
ส่
วนค�
ำว่
า “ล�
ำ” อธิ
บายอย่
างตรงคื
อ
การขั
บร้
องของบุ
คคล การใช้
เสี
ยงให้
เกิ
ดท�
ำนอง ส�
ำเนี
ยง
ตามบทกลอน
ถ้
าใช้
ว่
า “ล�
ำน�
ำ” หมายถึ
งบทเพลงที่
ใช้
ขั
บร้
อง
เรี
ยกว่
าขั
บล�
ำน�
ำ มี
บทสั
กวา บทเสภา บทดอกสร้
อย บทละคร
จึ
งมี
ใช้
ทั้
งค�
ำว่
า “ขั
บ” และค�
ำว่
า “ล�
ำ” เมื่
อพิ
จาณาฐานการใช้
ภาษาของชาวลาวและภาษาถิ่
นของชาวไทยอี
สาน ต่
างก็
มี
นั
ยของการใช้
และความหมายเดี
ยวกั
น ชาวลาวเหนื
อใช้
ค�
ำว่
า
“ขั
บ” ชาวลาวใต้
รวมถึ
งชาวไทยอี
สานด้
วยใช้
ว่
า “ล�
ำ”
ความหมายยั
งคงเดิ
ม บางท่
านเพิ่
มเติ
มว่
าผู
้
ช�
ำนาญการ
ขั
บหรื
อล�
ำท�
ำนองเสนาะ มี
ที่
มาและความหมายของค�
ำว่
า
“ล�
ำ” อี
กแนวคิ
ดหนึ่
งว่
า ล�
ำหมายถึ
ง “ยาว” กล่
าวกั
นว่
า
ในวั
ฒนธรรมของชาวอี
สานมี
วรรณคดี
ที่
ส�
ำคั
ญจ�
ำนวนมาก
แต่
ละเรื่
องมี
เนื้
อความต่
อเนื่
องกั
นเป็
นเรื่
องราว เรื่
องแต่
ละ
เรื่
องนั้
นใช้
ค�
ำ “ล�
ำ” น�
ำหน้
า เช่
น ล�
ำจ�
ำปาสี่
ต้
น ล�
ำการะเกด
ล�
ำสิ
นไซ (ล�
ำศิ
ลป์
ชั
ยหรื
อสิ
นชั
ย) คนรุ
่
นเก่
าชาวอี
สานท่
าน
อ่
านวรรณคดี
เรื่
องยาวๆ แต่
ละเรื่
องแล้
วสามารถจดจ�
ำได้
ตลอดเรื่
อง นอกจากนี้
แล้
วแต่
ละท่
านก็
ยั
งจ�
ำได้
หลายเรื่
อง
โดยเฉพาะวรรณคดี
ที่
เป็
นบทร้
อยกรอง บางท่
านสามารถน�
ำ
มาขั
บล�
ำเป็
นท�
ำนองได้
ความช�
ำนาญในความหมายของล�
ำ
ที่
แปลว่
ายาวนี้
จึ
งมี
นิ
ยามอี
กอย่
างหนึ่
งว่
า ผู
้
ช�
ำนาญวรรณคดี
เรื่
องยาว ซึ่
งตรงกั
บค�
ำว่
า “หมอล�
ำ” เช่
นกั
น
ความหมายของ “หมอล�
ำ” ในแนวของศิ
ลปะ
ดนตรี
ก็
คื
อ ศิ
ลปิ
นผู
้
มี
ความช�
ำนาญด้
านการขั
บร้
องโดย
การใช้
เสี
ยงให้
เกิ
ดท�
ำนอง ลี
ลา จั
งหวะ คละผสมไปกั
บเนื้
อ
ของสาระที่
สื่
อเรื่
องราวต่
างๆ สื่
อความนึ
กคิ
ด โต้
ตอบจาก
ความทรงจ�
ำหรื
อปฏิ
ภาณไหวพริ
บด้
วยเนื้
อค�
ำร้
อยกรอง
I...,8,9,10,11,12,13,14,15,16,17
19,20,21,22,23,24,25,26,27,28,...122