วารสารวัฒนธรรม มกราคม - มีนาคม ๒๕๕๗ - page 96

96
๑. วาระสุ
ดท้
ายของทศกั
ณฐ์
หรื
อเดซามุ
กกะของชวา ที่
วิ
หารปรั
มบานั
๒. หนุ
มาณในภาพสลั
กนู
นสู
งที่
ผนั
งปราสาทนครวั
ด มี
ร่
องรอย ‘ปิ
ดทองล่
องชาด’
๓. ชุ
ดการแสดงรามเกี
ยรติ์
ในแบบฉบั
บลาว โดยคณะแอน้
อย
ภาพโดย อดุ
ลย์
ตั
ณฑโกศั
ห ล า ย ปี
ก่
อ น
ผ ม มี
โ อ ก า ส นำ
� คณะ จ า ก
การท่
องเที่
ยวแห่
งประเทศไทยหรื
อ ททท. เดิ
นทางไป
ทั
ศนศึ
กษายั
งประเทศอิ
นโดนี
เซี
ย ตามโครงการเรี
ยนรู้
เพื่
อนบ้
าน เพื่
อนำ
�มาปรั
บแผนการพั
ฒนาการท่
องเที
ยวให้
สอดคล้
องกั
บแผนหลั
กของชาติ
นั
นคื
อ การเตรี
ยมตั
วเข้
าสู
ประชาคมอาเซี
ยนอย่
างสมบู
รณ์
ในปี
พ.ศ.๒๕๕๘
คณะ เร าจำ
� เ ป็
นต้
อง ใช้
มั
คคุ
เ ทศก์
ท้
องถิ่
พาเราไปดู
แหล่
งท่
องเที่
ยวต่
างๆ ซึ่
งเกื
อบทุ
กแห่
งก็
เคย
ผ่
านตาผมมาแล้
วทั้
งนั้
น และอย่
างที่
ทราบ ประชากร
ส่
วนใหญ่
ของอิ
นโดนี
เซี
ยเป็
นมุ
สลิ
ม แต่
สถานที่
ท่
องเที่
ยว
ซึ่
งโด่
งดั
งที่
สุ
ดของที่
นั่
นคื
‘โบโรบู
ดู
ร์
หรื
‘บู
โรพุ
ทโธ’
พุ
ทธสถานซึ่
งมี
ขนาดใหญ่
ที่
สุ
ดในโลก ดั
งนั้
นนายไกด์
เวลาอธิ
บายเรื่
องราวที่
นี่
ก็
ลองนึ
กภาพให้
มุ
สลิ
มอธิ
บาย
พุ
ทธประวั
ติ
อะไรๆ ของหมอนี่
จึ
งมั
กมี
คำ
�ว่
า “You God”
อยู่
ในประโยคเสมอ
แต่
จากโบโรบู
ดู
ร์
พอต่
อไปที
‘เทวาลั
ยปรั
มบานั
น’
ซึ่
งเป็
นศาสนสถานของฮิ
นดู
ซึ่
งใหญ่
ที
สุ
ดในอิ
นโดนี
เซี
คราวนี้
ชั
กสนุ
ก เพราะภาพสลั
กที่
รายรอบวิ
หารเป็
นเรื่
องราว
มหากาพย์
‘ รามายณะ ’
ซึ่
งบ้
านเรา เรี
ยกชื่
อว่
‘รามเกี
ยรติ์
และเป็
น ๑ ใน ๒ มหากาพย์
สำ
�คั
ญที่
สุ
ของศาสนาฮิ
นดู
เรารู
มาก่
อนแล้
วว่
า ในวั
ฒนธรรมชวา มี
มหรสพ
รู
ปเงาแบบที่
ภาคใต้
บ้
านเราเรี
ยกว่
า ‘หนั
งตะลุ
ง’ อยู่
เช่
นกั
และที่
นั่
นเรี
ยกว่
า ‘วายั
ง กุ
ลิ
ต’ เป็
นภาพฉลุ
บนหนั
งเป็
รู
ปร่
างมี
ลวดลายผิ
ดปกติ
ธรรมดา หรื
อผิ
ดสั
ดส่
วนของคน
ทั่
วไป ภาพสลั
กอย่
างนี้
พบว่
าประดั
บตามศาสนสถานบน
เกาะชวาตั้
งแต่
หลั
ง พ.ศ. ๑๗๐๐ และเรื่
องที่
นิ
ยมนำ
�มาเล่
ก็
คื
อรามายณะนั่
นเอง
ในขณะที่
นายไกด์
อธิ
บายเรื่
องราวในภาพ
สลั
กรอบปรั
มบานั
น ผมก็
มาสะดุ
ดกั
บคำ
�ว่
า ‘เดซามุ
กกะ’
ขอให้
ออกเสี
ยงใหม่
ชั
ดๆ เขาก็
ออกเสี
ยงมาเช่
นนี้
แถมบอก
อี
กว่
า เจ้
านี่
เป็
นพระราชาของยั
กษ์
หรื
อ the King of Demon
แค่
คำ
�นี้
คำ
�เดี
ยวก็
แทบจะทำ
�ให้
ผม ‘บรรลุ
ธรรม’
ที
เดี
ยว เพราะไม่
ว่
าจะเป็
นความเหมื
อนหรื
อความต่
างใน
อุ
ษาคเนย์
ซึ่
งที
พวกเรามี
ร่
วมกั
นคื
อ ‘รากวั
ฒนธรรม’ ครั
นั่
นคื
อสื
บเข้
าไปเถอะ แล้
วที่
สุ
ดจะรู้
ว่
า รากสำ
�คั
ญอั
นหนึ่
งใน
ดิ
นแดนแถบถิ่
นนี้
คื
อ รากวั
ฒนธรรมสั
นสกฤต อั
นมี
ที่
มา
จากอิ
นเดี
I...,86,87,88,89,90,91,92,93,94,95 97,98,99,100,101,102,103,104,105,106,...IV
Powered by FlippingBook