88
แรกเริ่
มของยามทางภาษา
“ล้
อม เพ็
งแก้
ว”
หรื
อจะเรี
ยกควบตำ
�แหน่
แบบเต็
มๆ ว่
“เกตุ
ทั
ตศาสตราภิ
ชาน
ล้
อม เพ็
งแก้
ว”
ก็
ไม่
ผิ
ด แต่
สำ
�หรั
บคนเมื
องเพชร และบรรดานั
กเขี
ยนน้
อยใหญ่
ต่
างก็
เรี
ยก
“ครู
ล้
อม”
กั
นจนติ
ดปาก นั่
นแสดงให้
เห็
นถึ
บทบาทของผู้
ให้
ได้
อย่
างชั
ดเจน นอกจากนั้
นยั
งมี
คน
ให้
สมญา “ยามภาษา” หรื
อ “ปราชญ์
เมื
องเพชร” ซึ
งคำ
�เหล่
านี
ก็
ล้
วนหมายถึ
งครู
ล้
อมทั้
งสิ้
น เนื่
องจากครู
ล้
อมเป็
นผู้
รอบรู้
ในด้
านประวั
ติ
ศาสตร์
เป็
นทั้
งอนุ
กรรมการวิ
จั
ยวั
ฒนธรรม
ภาคกลาง เป็
นผู
เชี
ยวชาญในการจั
ดทำ
�พจนานุ
กรมฉบั
บมติ
ชน
และได้
รั
บการเชิ
ดชู
เกี
ยรติ
ในฐานะปู
ชนี
ยบุ
คคลด้
านภาษาไทย
เมื
อ พ.ศ. ๒๕๕๐ และในปี
เดี
ยวกั
นทางมหาวิ
ทยาลั
ยศิ
ลปากร
ก็
ได้
มอบปริ
ญญาศิ
ลปศาสตร์
ดุ
ษฎี
บั
ณฑิ
ตกิ
ตติ
มศั
กดิ์
สาขา
วิ
ชามนุ
ษยวิ
ทยาให้
กั
บครู
ล้
อม ในฐานะผู้
เชี่
ยวชาญทางภาษา
วรรณคดี
ประวั
ติ
ศาสตร์
และภู
มิ
ปั
ญญาไทย
ครู
ล้
อมเกิ
ดที่
อำ
�เภอควนขนุ
น จั
งหวั
ดพั
ทลุ
ง และ
ใช้
ชี
วิ
ตที่
ภาคใต้
กระทั
งเรี
ยนจบมั
ธยมก็
เข้
ามาเรี
ยนต่
ที่
กรุ
งเทพฯ จนจบการศึ
กษาระดั
บปริ
ญญาตรี
จากวิ
ทยาลั
วิ
ชาการศึ
กษาประสานมิ
ตร ซึ่
งปั
จจุ
บั
นก็
คื
อ มหาวิ
ทยาลั
ศรี
นคริ
นทรวิ
โรฒ ประสานมิ
ตร โดยเป็
นนั
กเรี
ยนทุ
นของ
กระทรวงศึ
กษาธิ
การ หลั
งจากนั้
นก็
ได้
บรรจุ
มาเป็
นครู
ที่
เพชรบุ
รี
ครั้
งนั้
นอาจารย์
ใหญ่
ของโรงเรี
ยนได้
มอบหมาย
ให้
ครู
ล้
อมช่
วยสอนภาษาไทย เนื่
องจากในสมั
ยนั้
ครู
ทำ
�การสอนได้
หลากหลายวิ
ชา ซึ่
งครู
ล้
อมก็
ตกปากรั
บคำ
ที่
จะสอนภาษาไทย ทั้
งๆ ที่
ตนเองเรี
ยนจบมาทางคณิ
ต-
วิ
ทยาศาสตร์
และตั้
งแต่
วั
นนั้
นเป็
นต้
นมาครู
ล้
อมก็
ได้
ทุ่
มเท
ให้
กั
บการสอนภาษาไทย และวรรณคดี
ไทย มาโดยตลอด
และได้
ศึ
กษาหาความรู้
จากประสบการณ์
ด้
วยตนเองจนเป็
ปราชญ์
ทางศิ
ลปศาสตร์
ไปในที่
สุ
ด จนสุ
ดท้
ายก็
ยั
งไม่
เคยสอน
วิ
ชาคณิ
ตศาสตร์
เลยสั
กครั้
เมื่
อครั้
งยั
งเป็
นครู
สอนอยู่
นั้
น โดยปกติ
แล้
ทางราชการก็
จะมี
คู่
มื
อการสอนให้
สำ
�หรั
บแต่
ละหลั
กสู
ตร
ซึ่
งเมื่
อครู
ล้
อมได้
ศึ
กษาคู่
มื
อแนวการสอนแล้
ว มี
ความรู้
สึ
กว่
ยั
งมี
สิ่
งที่
ขั
ดแย้
งอยู่
ครู
ล้
อมจึ
งเริ่
มสื
บค้
นและตรวจสอบกั
หนั
งสื
อโบราณบ้
าง รวมถึ
งเอกสารประกอบต่
างๆ ซึ่
งครู
ล้
อม
ก็
ได้
เขี
ยนข้
อคิ
ดเห็
นจากการสื
บค้
นเหล่
านั้
นไว้
มากมาย
และข้
อเขี
ยนได้
ลงตี
พิ
มพ์
ในหนั
งสื
อพิ
มพ์
สยามรั
ฐ และหนั
งสื
ในวงการครู
สมั
ยนั้
นด้
วย ในการเขี
ยนนั้
นครู
ล้
อมต้
องทำ
�การ
ศึ
กษาค้
นคว้
าเพิ
มเติ
ม โดยหาจากหนั
งสื
อโบราณต่
างๆ ซึ
งต้
อง
คั
ดลอกด้
วยลายมื
อเป็
นจำ
�นวนหลายๆ เล่
ม จนรู้
ซึ้
งและ
ได้
เรี
ยนรู้
ถ้
อยคำ
�มากมายในวรรณกรรมโบราณเหล่
านั้
ศาสตราภิ
ชาน
แปลว่
า “ผู
ที
รู
ยิ
งในศาสตร์
ของตน” เป็
นตำ
�แหน่
งซึ
งไม่
ใช่
การกำ
�หนด
ตำ
�แหน่
งทางวิ
ชาการของมหาวิ
ทยาลั
ย แต่
เป็
นการแต่
งตั้
งเพื่
อดึ
งดู
ดผู้
ทรงคุ
ณวุ
ฒิ
เพื่
อมาทำ
�งานในมหาวิ
ทยาลั
ยเฉพาะสาขาใดสาขาหนึ่
โดยมี
เงิ
นตอบแทน
หรื
อเงิ
นเดื
อนสำ
�หรั
บตำ
�แหน่
งที่
ตั้
งไว้
ตำ
�แหน่
งศาสตราภิ
ชานนั้
นถื
อเป็
นเกี
ยรติ
สู
ง เป็
นตำ
�แหน่
งเฉพาะสาขาวิ
ชา มี
ตำ
�แหน่
งเดี
ยวและมั
กเป็
นตำ
�แหน่
งตลอดชี
จะว่
างก็
เมื่
อผู้
ครองตำ
�แหน่
งถึ
งแก่
กรรม ไร้
ความสามารถ หรื
อลาออก
1...,80,81,82,83,84,85,86,87,88,89 91,92,93,94,95,96,97,98,99,100,...124