39
ตุ
ลาคม-ธั
นวาคม ๒๕๕๖
สื
บสานภู
มิ
ปั
ญญาปั
กขทื
นล้
านนา
ในยุ
คที
่
ปฏิ
ทิ
นแบบภาคกลางถู
กใช้
กั
นอย่
างแพร่
หลาย
ไม่
ว่
าจะแฝงอยู่
ในอุ
ปกรณ์
ไฮเทคต่
างๆ หรื
อปฏิ
ทิ
นจริ
งๆ
ที่
แขวนอยู
่
ตามผนั
งบ้
านก็
ตาม นั
่
นส่
งผลให้
ปั
กขทื
นล้
านนา
ค่
อยๆ เลื
อนหายไปจากวิ
ถี
ชี
วิ
ตของชาวล้
านนามากขึ
้
นทุ
กวั
น
หากจะหาผู้
ที่
สามารถอ่
านและคำ
�นวณปั
กขทื
นล้
านนาใน
สั
งคมยุ
คปั
จจุ
บั
น ก็
คงเหลื
อน้
อยเต็
มที
นอกเสี
ยจากผู้
สู
งอายุ
หรื
อผู้
เฒ่
าผู้
แก่
เท่
านั้
นที่
รู้
อี
กทั้
งการสื
บสานภู
มิ
ความรู้
ก็
ยั
ง
เป็
นการเรี
ยนรู้
กั
นแบบปากต่
อปากอี
กด้
วย ซึ่
งผู้
ชำ
�นาญและ
เชี่
ยวชาญอย่
างแท้
จริ
งที่
ยั
งพอเหลื
อให้
อยู่
บ้
างนั่
นก็
คื
อ
“มั
คนายก” เช่
นปู่
ของผู้
เขี
ยน ซึ
่
งเป็
นผู้
นำ
�ในการประกอบ
พิ
ธี
กรรมต่
างๆ ส่
วนใหญ่
ก็
จะมี
ความรู
้
เรื
่
องการหาฤกษ์
ยามด้
วย
โดยยึ
ดตามหลั
กปั
กขทื
นล้
านนานั่
นเอง
นั
่
นอาจจะทำ
�ให้
มั
คนายกถู
กเปรี
ยบได้
เช่
นเดี
ยวกั
บ
โหรทำ
�นายทายทั
กในอดี
ตก็
เป็
นได้
ท่
ามกลางความเจริ
ญ
ก้
าวหน้
าของเทคโนโลยี
ซึ
่
งกำ
�ลั
งเปลี
่
ยนแปลงไปอย่
างรวดเร็
ว
ปั
กขทื
นล้
านนาก็
ถื
อเป็
นอี
กสิ่
งหนึ่
งที่
กำ
�ลั
งจะถู
กลด
บทบาทความสำ
�คั
ญลงไป พร้
อมๆ กั
บผู้
ที่
ทำ
�หน้
าที่
ถ่
ายทอด
องค์
ความรู้
เหล่
านั
้
น ทั้
งผู้
เฒ่
าผู
้
แก่
ในสั
งคมและมั
คนายก
ในการประกอบพิ
ธี
กรรมต่
างๆ แสดงให้
เห็
นว่
า ในยุ
คของ
สั
งคมเมื
องที่
เปลี่
ยนแปลงไปกั
บความเจริ
ญทางวั
ตถุ
นิ
ยม
อาจจะทำ
�ให้
คนในสั
งคมห่
างไกลการเข้
าวั
ดมากขึ้
นทุ
กวั
น
รวมถึ
งการดำ
�เนิ
นวิ
ถี
ชี
วิ
ต จารี
ตประเพณี
อั
นดี
งามของ
ชาวล้
านนาที่
ปฏิ
บั
ติ
สื
บเนื่
องกั
นมาจนถึ
งทุ
กวั
นนี้
ก็
อาจจะถู
ก
แทรกซึ
มจากวั
ฒนธรรมของต่
างชาติ
ที
่
เข้
ามาอย่
างแพร่
หลาย
อย่
างไรก็
ตามปั
ญหาเหล่
านั้
นก็
ทำ
�ให้
เกิ
ดกลุ่
ม
ผู้
ที่
ต้
องการจะฟื้
นฟู
ปั
กขทื
นล้
านนาขึ
้
นมา เช่
น ชมรมปั
กขทื
น
ล้
านนา เป็
นต้
น เพื่
อให้
ปั
กขทื
นถู
กถ่
ายทอดไปสู่
ลู
กหลาน
ในอนาคตต่
อไป โดยมี
การวางแผนและจั
ดการเรื
่
องการสื
บทอด
ปั
กขทื
นล้
านนาเอาไว้
หลากหลายวิ
ธี
อั
นได้
แก่
การสอนวิ
ธี
การคำ
�นวณให้
แก่
ผู้
ที่
สนใจ การถ่
ายทอดวิ
ธี
คำ
�นวณไว้
ในรู
ป
เล่
มหนั
งสื
อ และคำ
�นวณไว้
ล่
วงหน้
าหลายสิ
บปี
เพื่
อให้
หยิ
บ
จั
บไปใช้
ได้
ง่
าย ด้
วยรู
ปแบบการสื
บทอดอย่
างหลากหลาย
และเป็
นระบบนี
่
เอง ก็
น่
าจะเป็
นสิ
่
งหนึ
่
งที
่
ช่
วยทำ
�ให้
คนล้
านนา
หลายคนมั่
นใจได้
ว่
า ปั
กขทื
นล้
านนาน่
าจะยั
งคงอยู
่
คู่
กั
บ
สั
งคมล้
านนา และถ่
ายทอดจากรุ่
นสู่
รุ่
นต่
อไปได้
อี
ก
ปั
กขทื
นล้
านนา นอกจากจะใช้
บอกวั
นเวลา
เช่
นเดี
ยวกั
บปฏิ
ทิ
นแบบภาคกลางแล้
ว ยั
งแสดงให้
เห็
นถึ
ง
อั
ตลั
กษณ์
ของความเป็
นล้
านนาที่
มี
ความรุ่
งเรื
องด้
วย
ศิ
ลปวั
ฒนธรรมและองค์
ความรู้
อั
นหลากหลาย อี
กทั้
ง
ปั
กขทื
นล้
านนายั
งเป็
นตั
วกำ
�หนดให้
ประชาชนหรื
อชาวล้
านนา
ได้
มี
แนวปฏิ
บั
ติ
เป็
นไปในทางเดี
ยวกั
นในแต่
ละปี
ปั
กขทื
นล้
านนาอาจจะยากแก่
การเข้
าใจ แต่
ถ้
าเรา
ให้
ความสำ
�คั
ญและศึ
กษามั
นอย่
างถ่
องแท้
ถึ
งวิ
ธี
การหรื
อ
หลั
กการใช้
งาน เราก็
จะเข้
าใจปั
กขทื
นได้
ไม่
ยากนั
ก
ปั
กขทื
นล้
านนาจึ
งเป็
นอะไรมากกว่
าปฏิ
ทิ
นที่
ใช้
ดู
เพื่
อนั
บ
วั
นเวลาที
่
ผ่
านเลยไป แต่
สิ่
งหนึ่
งที
่
สะท้
อนให้
เห็
นนั่
นก็
คื
อ
“ปั
กขทื
นล้
านนากั
บภาระหน้
าที่
ของคนรุ่
นปู่
ย่
า” ในฐานะ
ผู้
สั่
งสมภู
มิ
ปั
ญญาเหล่
านั้
นไว้
ซึ่
งไม่
ใช่
แค่
การปฏิ
บั
ติ
หน้
าที่
ทางสั
งคมเท่
านั้
น แต่
นั่
นคื
อสะพานเชื่
อมโยงความสั
มพั
นธ์
ของผู้
คนในท้
องถิ่
นเข้
าด้
วยกั
น หากขาดผู้
สื
บทอดไป
ในอนาคตต่
อไปคงเหลื
อไว้
เพี
ยงประวั
ติ
ศาสตร์
หรื
อ
บั
นทึ
กอี
กหน้
าหนึ่
งที่
ค่
อยๆ ลบเลื
อนไปจากสั
งคมล้
านนา
เช่
นเดี
ยวกั
บผู้
เขี
ยนที่
เคยสงสั
ยว่
า ปู่
กำ
�ลั
งง่
วนอยู่
กั
บอะไร
แต่
วั
นนี้
ข้
อสงสั
ยนั้
นก็
ได้
คลายไปแล้
ว แม้
ในวั
นที่
ปู่
จะไม่
อยู่
ข้
างกายแล้
วก็
ตาม
1...,31,32,33,34,35,36,37,38,39,40
42,43,44,45,46,47,48,49,50,51,...124