30
งานประดั
บมุ
งานช่
างมุ
กเป็
นงานประณี
ตศิ
ลป์
ชั
นเยี
ยมแขนงหนึ
ที่
ปรากฏการสร้
างสรรค์
เพี
ยงไม่
กี่
ประเทศในโลก เช่
น จี
เวี
ยดนาม ญี่
ปุ่
น และไทย ในสมั
ยโบราณของไทยมั
กใช้
ตกแต่
งสิ่
งที่
เป็
นของสู
งของพระมหากษั
ตริ
ย์
และวั
ตถุ
ทางศาสนา เช่
น บานประตู
หน้
าต่
างพระอุ
โบสถ พระวิ
หาร
พระมณฑป ในพระอารามหลวง ปราสาท ราชวั
ง เป็
นต้
อี
กทั
งเครื
องใช้
ของพระภิ
กษุ
พระมหากษั
ตริ
ย์
และเชื
อพระวงศ์
ชั้
นสู
ง เช่
น พานแว่
นฟ้
า ตะลุ่
ม เตี
ยบ หี
บ กล่
องใส่
หมากพลู
ฝาบาตร และตู้
พระธรรม เป็
นต้
น ซึ่
งพบอยู่
มากในสมั
รั
ตนโกสิ
นทร์
การประดั
บมุ
กชนิ
ดใช้
รั
กเป็
นตั
วประสานของไทย
มี
หลั
กฐานอย่
างชั
ดเจนในสมั
ยอยุ
ธยาตอนปลาย ตั
วอย่
างเช่
บานประตู
ลายประดั
บมุ
กของวิ
หารวั
ดพระศรี
รั
ตนมหาธาตุ
จั
งหวั
ดพิ
ษณุ
โลก ฝี
มื
อช่
างในสมั
ยสมเด็
จพระเจ้
าอยู
หั
วบรมโกศ
ประดั
บด้
วยลายกระหนกหางกิ
นนรบรรจุ
อยู่
ในวงกลม
ปลายช่
อกนกทำ
�เป็
นภาพสั
ตว์
หิ
มพานต์
คื
อ ราชสี
ห์
คชสี
ห์
ครุ
ฑ เหมราช และกิ
นนรรำ
�รอบๆ วงกลม บานประตู
ตอนบน
เป็
นลายพุ่
มข้
าวบิ
ณฑ์
ส่
วนลายประดั
บมุ
กในสมั
รั
ตนโกสิ
นทร์
ดู
ตั
วอย่
างได้
จากบานประตู
พระอุ
โบสถ
วั
ดพระศรี
รั
ตนศาสดาราม ฝี
มื
อช่
างสมั
ยรั
ชกาลที่
๑ ซึ่
งมี
ลวดลายประดั
บมุ
กที่
คล้
ายคลึ
งกั
บบานประตู
ของวิ
หาร
วั
ดพระศรี
รั
ตนมหาธาตุ
จั
งหวั
ดพิ
ษณุ
โลก นอกจากนี้
ยั
งมี
การประดั
บมุ
กบนบานประตู
ที่
งดงามอี
กหลายแห่
งใน
สมั
ยรั
ตนโกสิ
นทร์
เช่
น บานประตู
พระอุ
โบสถวั
ดพระเชตุ
พน
วิ
มลมั
งคลาราม (วั
ดโพธิ์
) ฝี
มื
อช่
างสมั
ยรั
ชกาลที่
๓ บานประตู
และหน้
าต่
างพระอุ
โบสถวั
ดราชบพิ
ธสถิ
ตมหาสี
มาราม
ซึ่
งเป็
นวั
ดประจำ
�รั
ชกาลที่
๕ โดยประดั
บเป็
นลวดลายภาพ
เครื่
องราชอิ
สริ
ยาภรณ์
เฉพาะตราชั้
นหนึ่
ง ๕ ดวงเรี
ยงกั
เป็
นต้
การประดั
บมุ
กคื
อ การนำ
�เปลื
อกหอยบางชนิ
ที่
มี
ไฟ คื
อมี
การสะท้
อนแสงออกเป็
นสี
รุ้
งแวววาวมาฉลุ
ลายออก เป็
นตั
วๆ โดยออกแบบลวดลายให้
เหมาะสมกั
ชิ้
นงาน โดยมากสร้
างขึ้
นจากไม้
หรื
อหวาย ลงรั
กรองพื้
นบน
วั
ตถุ
ที่
จะประดั
บมุ
ก แล้
วนำ
�ลายมุ
กที่
ฉลุ
แล้
วมาประดั
บลงไป
นำ
�รั
กสมุ
กถมลงร่
องระหว่
างตั
วลายมุ
ก จนปิ
ดทั
บตั
วลาย
ทิ้
งให้
แห้
งสนิ
ท ขั
ดแต่
งผิ
วหน้
าชิ้
นงานด้
วยหิ
นกากเพชรและ
กระดาษทรายน้
� ขั
ดจนปรากฏลายมุ
ก ใช้
กระดาษทราย
ละเอี
ยดขั
ดแต่
งให้
เรี
ยบ และปรากฏลายมุ
กอย่
างครบ
สมบู
รณ์
ทั่
วชิ้
นงาน ใช้
ใบตองแห้
งฉี
กฝอย (อาจผสมน้
�มั
มะพร้
าว) ขั
ดถู
ผิ
ว ขั
ดให้
เกิ
ดความร้
อนนานๆ ผิ
วชิ้
นงาน
จะค่
อยๆ เป็
นมั
นขึ้
นตามธรรมชาติ
สี
ขาวแกมชมพู
และเขี
ยว
และความแวววาวของหอยมุ
กจะตั
ดกั
บสี
ดำ
�ของรั
ทำ
�ให้
ภาชนะหรื
อวั
ตถุ
ชิ้
นนั้
นๆ มี
ความงดงามอย่
างยิ่
เตี
ยบประดั
บมุ
ก สมั
ยรั
ตนโกสิ
นทร์
ประมาณพุ
ทธศตวรรษที่
๒๕
1...,22,23,24,25,26,27,28,29,30,31 33,34,35,36,37,38,39,40,41,42,...124