18
เส้
นทางความเป็
นมาของเปี๊
ยะสื
บค้
นได้
จาก
หลั
กฐานทางประวั
ติ
ศาสตร์
และโบราณคดี
พร้
อมกั
บการดำ
�รง
อยู่
ในชุ
มชน โดยเฉพาะดิ
นแดนล้
านนาตอนบน เช่
จั
งหวั
ดเชี
ยงราย เชี
ยงใหม่
ลำ
�พู
น ลำ
�ปาง น่
าน เป็
นต้
จากประวั
ติ
ศาสตร์
ของการตั้
งถิ่
นฐานในอดี
ต และอิ
ทธิ
พล
ด้
านการปกครองทำ
�ให้
ผู้
คนแต่
ละช่
วงสมั
ยต่
างๆ ทั
การคงอยู่
ของชุ
มชน และการอพยพเคลื่
อนย้
ายไปมา ส่
งผล
ให้
เกิ
ดความหลากหลายของกลุ
มชาติ
พั
นธุ์
นอกจากนี้
ก็
ยั
งมี
การย้
ายถิ่
น และการเดิ
นทางของผู้
คนนอกวั
ฒนธรรมที่
ก่
อให้
เกิ
ดการปรั
บปรน (การปรั
บให้
เข้
ากั
บสถานการณ์
ใหม่
)
ทางวั
ฒนธรรมเพิ่
มขึ้
นด้
วย มี
ข้
อมู
ลจำ
�นวนมากบ่
งบอกถึ
การแพร่
กระจายทางวั
ฒนธรรมของชาวชมพู
ทวี
ปที่
เดิ
นทาง
สู่
ภู
มิ
ภาคเอเชี
ยอาคเนย์
ทั้
งทางทะเลและทางบก ด้
วยเหตุ
ผล
ของการค้
า การเผยแผ่
ศาสนา การขยายอิ
ทธิ
พลด้
านการเมื
อง
การปกครอง หรื
ออื
นๆ หลั
กฐานภาพจำ
�หลั
กตามโบราณสถาน
ในอิ
นโดนี
เซี
ย ในเมื
องพระนครหรื
อนครวั
ด แหล่
งโบราณคดี
บ้
านคู
บั
ว จั
งหวั
ดราชบุ
รี
และอี
กหลายแห่
ง พบว่
ามี
ภาพ
เครื่
องดนตรี
รู
ปร่
างและลั
กษณะทางกายภาพเช่
นเดี
ยวกั
เปี๊
ยะปรากฏอยู่
ในภาคพื้
นสุ
วรรณภู
มิ
ก็
พบว่
า มี
เครื่
องดนตรี
นี้
บรรเลงในสั
งคมของชาวกั
มพู
ชา ซึ่
งเรี
ยกว่
า “แสร์
เดี
ยว”
ส่
วนในประเทศไทยก็
เคยพบว่
า มี
ศิ
ลปิ
นและการสื
บทอดอยู
ในพื้
นที่
วั
ฒนธรรมของชาวอี
สานใต้
แถบจั
งหวั
ดสุ
ริ
นทร์
บุ
รี
รั
มย์
แต่
ก็
เป็
นที่
น่
าเสี
ยดายว่
า ในทุ
กวั
นนี้
เราจะไม่
พบเห็
เครื่
องดนตรี
ชนิ
ดนี้
ในวิ
ถี
ชี
วิ
ตของกลุ่
มชนต่
างๆ แล้
ว แต่
จะ
สามารถพบได้
ในพื้
นที่
หลายจั
งหวั
ดแถบล้
านนาตอนบน
การแพร่
กระจายของวี
ณาจากอิ
นเดี
ยสู่
ดิ
นแดน
ล้
านนานั้
น มี
หลายช่
วงยุ
คสมั
ย ด้
วยรากฐานของประชาชน
ที่
สั
บเปลี่
ยนไปตามสถานการณ์
ทางสั
งคม พบว่
านอกจาก
ความเป็
นเจ้
าของพื้
นที่
แล้
วยั
งมี
ชาวมอญ ซึ่
งเป็
นส่
วนหนึ่
ของผู้
สื
บทอดอารยธรรมอิ
นเดี
ยมาตั้
งถิ่
นฐานในล้
านนา ซึ่
อาณาจั
กรที่
โดดเด่
นก็
คื
อ “นครหริ
ภุ
ญไชย” และสิ่
งที
น่
าสนใจ
ก็
คื
อการสื
บทอดดนตรี
ที่
ยั
งคงเอกลั
กษณ์
ไว้
เช่
น วงเต่
งถิ้
วงป้
าดฆ้
อง เครื่
องดนตรี
มี
แน กลองเท่
งถิ้
ง และ ป้
าด ก็
คื
รู
ปลั
กษณ์
ของปี่
มอญ ตะโพนมอญ และ ระนาด โดยการ
รั
บช่
วงดนตรี
ของอิ
นเดี
ยในกิ
จกรรมทางสั
งคมที่
ปรากฏ
และพิ
ธี
กรรมต่
างๆ เช่
น แตร สั
งข์
บั
ณเฑาะว์
รวมถึ
งวี
ณา
ซึ่
งเป็
นต้
นฐานของพิ
ณน้
�เต้
า และพิ
ณเพี
ยะ วั
ฒนธรรม
ดนตรี
เหล่
านี้
จึ
งได้
หยั่
งลึ
กอยู่
ในวิ
ถี
ชี
วิ
ตของประชาชน
มาอย่
างต่
อเนื่
อง
นอกจากนั้
นก็
ยั
งมี
“วั
ฒนธรรมขอม” ที่
แผ่
อิ
ทธิ
พล
ครอบครองดิ
นแดนล้
านนาหลายศตวรรษ เป็
นปั
จจั
ยเชื
อมต่
วั
ฒนธรรมอิ
นเดี
ย ลั
กษณะนี
ส่
งผลให้
อิ
ทธิ
พลของงาน
ด้
านศิ
ลปะดนตรี
เข้
าไปมี
บทบาทอยู่
ในสั
งคม และวั
ฒนธรรม
ล้
านนา เช่
นเดี
ยวกั
บชาวอิ
นเดี
ยที่
เดิ
นทางด้
วยกองคาราวาน
ผ่
านดิ
นแดนพม่
าเข้
ามาทางเส้
นทางอำ
�เภอลี้
จั
งหวั
ดลำ
�พู
เพื่
อไปยั
งแหล่
งเกลื
อชั้
นดี
ที่
อำ
�เภอบ่
อเกลื
อ จั
งหวั
ดน่
าน
ผู้
คนจากกองคาราวานได้
นำ
�เครื่
องดนตรี
นี
ติ
ดตั
วมาด้
วย
โดยหลั
กฐานเชิ
งประจั
กษ์
ที่
สำ
�คั
ญคื
อ การพบหั
วเปี๊
ยะ
จำ
�นวนมากในหลายพื
นที
ทั
งที
อำ
�เภอบ่
อเกลื
อ อำ
�เภอเวี
ยงสา
และบริ
เวณใกล้
เคี
ยงของจั
งหวั
ดน่
าน เหล่
านี้
คื
อข้
อยื
นยั
นถึ
การแพร่
กระจายของเปี๊
ยะ
นอกจากเปี๊
ยะแล้
ว เครื่
องดนตรี
ที่
มี
รู
ปทรง
โครงสร้
างอย่
างเดี
ยวกั
นอี
กชนิ
ดหนึ่
งคื
อ “พิ
ณน้
�เต้
า” ซึ่
จั
ดเป็
นเครื่
องดนตรี
ประเภทเครื่
องดี
ดที่
มี
กล่
องเสี
ยงทำ
�จาก
ผลน้ำ
�เต้
า นั่
นก็
เป็
นเครื่
องยื
นยั
นเช่
นกั
นถึ
งการแพร่
กระจาย
วั
ฒนธรรมดนตรี
ความนิ
ยมของศิ
ลปิ
นที่
กล่
าวถึ
งพราหมณ์
ผู้
บรรเลงพิ
ณน้
�เต้
าปรากฏชื่
อเพลงไทยในวั
ฒนธรรมดนตรี
ภาคกลางว่
า “พราหมณ์
ดี
ดน้ำ
�เต้
า” ด้
วย
1...,10,11,12,13,14,15,16,17,18,19 21,22,23,24,25,26,27,28,29,30,...124