9
เมษายน-มิ
ถุ
นายน ๒๕๕๖
สำ
�หรั
บบทร้
องเพลงกล่
อมลู
กทางภาคกลางที่
นิ
ยม
ขั
บร้
องก็
จะมี
หลายบท อาทิ
บทวั
ดโบสถ์
บทขนมแชง ดั
งนี้
“วั
ดเอ๋
ยวั
ดโบสถ์
ปลู
กข้
าวโพดสาลี
ยามลู
กเขยตกยาก
แม่
ยายก็
พรากลู
กสาวหนี
ต้
นข้
าวโพดสาลี
ป่
านฉะนี้
จะโรยลา”
ส่
วนในสั
งคมของผู
้
ใหญ่
นั
้
น กิ
จกรรมทางสั
งคม
ย่
อมเกี่
ยวข้
องต่
อกั
น ดั
งพบได้
จากการท�
ำนาปลู
กข้
าว เมื่
อ
รวงข้
าวสุ
กพร้
อมเก็
บเกี่
ยว ก็
จะมี
การร่
วมแรงลงแขกเกี่
ยวข้
าว
ช่
วยเหลื
อเกื
้
อกู
ลกั
น กิ
จกรรมเพลงร้
องพื
้
นบ้
านจึ
งเกิ
ดขึ้
น
บริ
เวณลานบ้
าน ลานชุ
มชน ซึ่
งเป็
นลานรวมกลุ
่
มชาวนา
มี
การเลี้
ยงอาหารกั
น มี
กิ
จกรรมนั
นทนาการ ร่
วมวงร้
องเพลง
เล่
นเพลง และนั
กเพลงที่
มี
ฝี
ปากกล้
า มี
ไหวพริ
บปฏิ
ภาณ
ส�
ำหรั
บเพลงร้
องพื้
นบ้
านที่
เกิ
ดจากความเชื่
อ
ความศรั
ทธา หรื
อเกี่
ยวข้
องกั
บศาสนา เช่
น “เพลงร่
อยพรรษา”
เป็
นเพลงขอทานบรรดาศั
กดิ์
นิ
ยมในจั
งหวั
ดกาญจนบุ
รี
แต่
เดิ
ม
นั
กเพลงเป็
นผู้
ชายแต่
งตั
วมอซอประหนึ่
งว่
า เป็
นคนขอทาน
หรื
อให้
ดู
ประหนึ่
งว่
ายากจน เที่
ยวเร่
ร้
องเพลงไปตามบ้
าน
เรื
อนในยามพลบค�่
ำ ไปจนถึ
งกลางดึ
ก จึ
งไม่
เหมาะส�
ำหรั
บ
นั
กเพลงหญิ
ง แต่
ในปั
จจุ
บั
นบรรยากาศตอนกลางคื
นเปลี่
ยนไป
จึ
งมี
นั
กเพลงหญิ
งร่
วมร้
องเพลงร่
อยพรรษาด้
วย
โดยการร้
องเพลงร่
อยพรรษานั้
นจะเป็
นการขอรั
บ
ข้
าวของเงิ
นทองจากชาวบ้
าน นิ
ยมร้
องในช่
วงใกล้
ออก
พรรษาราววั
นขึ้
น ๑๓ - ๑๕ ค�่
ำ เดื
อนสิ
บเอ็
ด จนถึ
งวั
นแรม
๒ ค�่
ำ เดื
อนสิ
บเอ็
ด โดยนั
กเพลงพื้
นบ้
านต่
างรวมตั
วกั
นเป็
นคณะ
“โอ้
ละเห่
โอละดึ
ก ลุ
กขึ้
นแต่
ดึ
ก ทำ
�ขนมแชงม้
า
ผั
วก็
ตี
เมี
ยก็
ด่
า
ขนมแชงม้
าคาหม้
อแกง”
จึ
งเป็
นหั
วหน้
ากลุ่
มน�
ำลู
กเพลงมาท�
ำหน้
าที่
ลู
กคู่
และล้
อมวง
แบ่
งฝ่
ายเล่
นเพลงกั
นบนลานข้
าวที่
เก็
บเกี่
ยวมาได้
หรื
อ
กิ
จกรรมหลั
งมื้
ออาหารที่
ทุ
กคนว่
างพร้
อมเข้
าร่
วมร้
องร�
ำท�
ำเพลง
หรื
อล้
อมวงชมการเล่
น การร้
องเพลงที่
เกี่
ยวกั
บการท�
ำนา
เช่
น เพลงเกี่
ยวข้
าว เพลงสงฟาง เพลงพานฟาง เพลงชั
กกระดาน
เพลงเต้
นก�
ำ เพลงเตะข้
าว ฯลฯ