11
เมษายน-มิ
ถุ
นายน ๒๕๕๖
เพลงร้
องพื
นบ้
านที่
เกี่
ยวกั
บความเชื่
อและ
ศาสนาอื่
นๆ เช่
น “เพลงค�
ำตั
ก” ซึ่
งมี
หลายพื้
นที่
ในจั
งหวั
ทางภาคใต้
เช่
น นครศรี
ธรรมราช สุ
ราษฎร์
ธานี
เป็
นต้
สาระของเพลงค�
ำตั
กจะเป็
นกล่
าวถ้
อยค�
ำสั
งสอนตั
กเตื
อน
เจ้
านาคที่
ก�
ำลั
งเข้
าสู
พิ
ธี
อุ
ปสมบท เพื่
อให้
ร�
ำลึ
กถึ
งพระคุ
บิ
ดามารดา ให้
ตั้
งใจใฝ่
ศึ
กษาธรรม ส่
วน “เพลงแห่
เจ้
านาค
เพลงแห่
หรื
อสั่
งนาค” ก็
จะมี
บางท้
องถิ่
นของภาคกลาง
และมี
การร้
องขณะแห่
นาคไปวั
ด ส่
วน “เพลงสรภั
ญญ์
ก็
นิ
ยมในหลายจั
งหวั
ดของภาคอี
สาน ร้
องเนื้
อหาเกี่
ยวกั
พระพุ
ทธศาสนาและร้
องในวั
ด และอี
กประเภทหนึ่
งคื
“เพลงสวดพระมาลั
ย” ซึ่
งในหลายพื้
นที
เรี
ยกว่
า “สวดคฤหั
สถ์
โดยผู
ร้
องท�
ำนองสวดจะเป็
นชายที่
เคยบวชเป็
นพระมาแล้
จนสามารถสวดเป็
นท�
ำนองได้
นิ
ยมสวดเล่
าเรื่
องราวต่
างๆ
โดยจะมี
เนื้
อหาแตกต่
างกั
นไปตามแต่
ละพื้
นที่
ซึ่
งอุ
ปกรณ์
ก็
จะมี
ตู
พระธรรม และตาลปั
ตร โดยนั
กเพลงร้
องสวดกลางคื
อาจใช้
เวลายาวไปจนถึ
งรุ
งเช้
าของวั
นใหม่
ก็
มี
ส่
วนใน
จั
งหวั
ดจั
นทบุ
รี
ก็
จะมี
นั
กเพลงผู
หญิ
งเป็
นผู
ร้
องสวด และมี
การร�
ำหน้
าศพ เรี
ยกว่
า “ร�
ำสวด” ด้
วย
นอกจากนั้
นก็
ยั
งมี
เพลงร้
องพื้
นบ้
านที่
เกิ
ดจาก
เทศกาล ฤดู
กาล และประเพณี
ต่
างๆ อั
นได้
แก่
เทศกาลทอดกฐิ
ทอดผ้
าป่
า ตรุ
ษสงกรานต์
ลอยกระทง ประเพณี
ลากพระ
งานไหว้
พระประจ�
ำปี
เป็
นต้
น โดยชาวบ้
านก็
จะมี
การท�
ำบุ
ไหว้
พระที่
วั
ด จึ
งเกิ
ดเพลงร้
องพื้
นบ้
านต่
างๆ เช่
น เมื่
อท�
ำบุ
ตั
กบาตรตอนเช้
าเสร็
จ สาวๆ หนุ
มๆ พร้
อมกั
นน�
ำดอกไม้
คนละก�
ำเข้
าไปในโบสถ์
เพื่
อถวายพระพุ
ทธรู
ป แต่
เป้
าหมาย
พิ
ษฐานเอย มื
อหนึ่
งถื
อพาน ถื
อพานดอกชบา (ลู
กคู
รั
บ)
เกิ
ดชาติ
ใดแสนใด
ขอให้
ได้
กั
บพวกทำ
�นา (ลู
กคู่
รั
บ)
พิ
ษฐานวานไหว้
ขอให้
ได้
ดั
งพิ
ษฐานเอย
พิ
ษฐานเอย มื
อหนึ่
งถื
อพาน ถื
อพานนมแมว (ลู
กคู
รั
บ)
เกิ
ดชาติ
ใดแสนใด
ขออย่
าให้
ได้
กั
บพวกบ้
านแพ้
ว (ลู
กคู
รั
บ)
พิ
ษฐานวานไหว้
ขอให้
ได้
ดั
งพิ
ษฐานเอย
ส่
วนในฤดู
น�้
ำหลากช่
วงเดื
อน ๑๑ เดื
อน ๑๒
ก็
จะมี
งานทอดกฐิ
น งานวั
นลอยกระทง ซึ่
งเป็
นโอกาสเหมาะ
อย่
างยิ่
งที่
นั
กเพลงฝ่
ายชายจะได้
หาโอกาสพายเรื
อน�
ำล่
องเร่
ไปตามล�
ำคลอง น�
ำพรรคพวกแสวงหานั
กเพลงฝ่
ายหญิ
เพื่
อเล่
นเพลงเรื
อกั
น โดยการใช้
เรื
อของคนยุ
คก่
อนนั้
นถื
อเป็
เรื่
องธรรมดา เพราะการสั
ญจรทางน�้
ำมี
ความส�
ำคั
ญ และทุ
กคน
ก็
จะช�
ำนาญการใช้
เรื
ออยู
แล้
ว จึ
งเป็
นรากฐานของการเกิ
“เพลงเรื
อ”
ส�
ำหรั
บเพลงเรื
อนี้
ในทางภาคใต้
ก็
มี
เพลงเรื
เช่
นกั
น เช่
น แถบล�
ำน�้
ำชุ
มพร สุ
ราษฎร์
ธานี
ทะเลสาบสงขลา
โดยเฉพาะที่
บ้
านแหลมโพธิ์
อ�
ำเภอหาดใหญ่
เมื่
อถึ
งวั
นแรม
๑ ค�่
ำ เดื
อน ๑๑ ก็
จะมี
ประเพณี
ลากพระทางน�้
ำ มี
เรื
อของ
นั
กเพลงออกเล่
นร้
องเพลงกั
น โดยความแตกต่
างของ
เพลงเรื
อแหลมโพธิ์
นั้
นก็
คื
อ มี
การร้
องเพลงเรื
อบนบก โดย
นั
กเพลงจะถื
อใบพายเดิ
นแบกไปบนทางบกปะปนกั
ผู
คนในงาน แล้
วร้
องเพลงเรื
อ ซึ่
งเป็
นการสร้
างบรรยากาศ
และสี
สั
นให้
แก่
งานเป็
นอย่
างมาก
เพลงขอทานบรรดาศั
กดิ์
อี
กลั
กษณะหนึ
ง ก็
คื
“เพลงร�
ำภาข้
าวสาร” ซึ่
งเป็
นการรวมกลุ
มของนั
กเพลง
แล้
วนั่
งเรื
อเร่
ร้
องไปตามบ้
านของชาวบ้
าน มี
ลั
กษณะเดี
ยวกั
กั
บเพลงร่
อยพรรษา แต่
นิ
ยมในหลายจั
งหวั
ด เช่
น ปทุ
มธานี
,
พระนครศรี
อยุ
ธยา เป็
นต้
น ส่
วนค�
ำว่
า “ร�
ำภา” นั้
นก็
จะมี
ความหมายว่
า “ขอทาน” ซึ่
งวิ
ถี
ชี
วิ
ตในปั
จจุ
บั
นได้
เปลี่
ยนไป
มี
หลายท้
องถิ่
นที่
ร้
องเพลงร�
ำภาข้
าวสาร โดยเดิ
นเป็
นกลุ
ตามถนนและมี
การนั่
งรถกระบะ เมื่
อถึ
งชุ
มชนนั
กเพลงจึ
งลง
จากรถแล้
วร้
องเพลงขอรั
บสิ่
งของบริ
จาคจากชาวบ้
าน
ของการกระท�
ำมี
มากกว่
าการไหว้
พระ เพราะทั้
งสาวหนุ
มต่
าง
แบ่
งพวกออกจากกั
นเป็
น ๒ ฝ่
าย ร้
องเพลงเกี้
ยวพาราสี
กั
กล่
าวอ้
างพระพุ
ทธคุ
ณ ขออธิ
ษฐานหมายคู
ของนั
กเพลงที่
มี
ต่
ฝ่
ายตรงข้
าม โดยเฉพาะฝ่
ายพ่
อเพลง ส่
วนฝ่
ายแม่
เพลงนั้
ก็
จะร้
องโต้
ตอบแก้
ไขค�
ำที่
หว่
านล้
อมนั้
นๆ โดยเพลงลั
กษณะนี้
เรี
ยกว่
า “เพลงพิ
ษฐาน” และดอกไม้
ที่
น�
ำไปต่
างก็
จั
ดวาง
บนพาน นั่
งถื
อพาน โดยร้
องค�
ำขึ้
นต้
นว่
า “พิ
ษฐาน” และเริ่
มด้
วย
การขอพรมงคลจากพระ แล้
วร้
องเพลงแก้
กั
นด้
วยค�
ำกลอน
โดยไม่
มี
การตบมื
อให้
จั
งหวะเช่
นบทที่
ว่
1...,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12 14,15,16,17,18,19,20,21,22,23,...124