6
องค์
ประกอบ ๓ ส่
วนสำ
�คั
ขั
บร้
องลำ
�นำ
�เพลงร้
องพื้
นบ้
าน
สารั
ตถะในเพลงร้
องพื้
นบ้
านประกอบด้
วย
ส่
วนสำ
�คั
ญ ๓ ส่
วน คื
“ดนตรี
คำ
�ร้
อง และ การสื่
อสาร
เนื้
อหา”
โดยส่
วนแรกคื
อ “ดนตรี
” ซึ่
งเพลงร้
องพื้
นบ้
าน
จะมี
รู
ปแบบของลี
ลาทำ
�นอง และจั
งหวะเรี
ยบง่
าย กระชั
ทำ
�นองและจั
งหวะไม่
ซั
บซ้
อน สั้
น จดจำ
�ง่
าย โดยการร้
อง
เปล่
งเสี
ยงและออกคำ
�ของลู
กคู่
ในลั
กษณะการร้
องรั
ร้
องกระทุ้
ง ร้
องทวนคำ
�ต่
างๆ นั้
นก็
มี
ความสำ
�คั
ญต่
อการ
สร้
างสี
สั
นให้
แก่
เพลงร้
องพื้
นบ้
าน ซึ่
งความเป็
นดนตรี
ในเพลงร้
องพื้
นบ้
านนั้
น นอกจากทำ
�นองเพลงแล้
ว ก็
ยั
งมี
การทำ
�จั
งหวะด้
วยการตบมื
อ การนำ
�เครื่
องดนตรี
ประเภท
เครื่
องประกอบจั
งหวะมาตี
ให้
จั
งหวะ เช่
น ฉิ่
ง ฉาบเล็
ก กรั
โหม่
ง ทั
บ ตะโพน กลองยาว ฯลฯ ซึ่
งเพลงร้
องพื้
นบ้
าน
บางประเภทก็
ยั
งมี
การนำ
�เอาเครื่
องดนตรี
ประเภทดำ
�เนิ
ทำ
�นองเข้
าไปบรรเลงรั
บ เพื่
อให้
เข้
ากั
บเพลงร้
องอี
กด้
วย
ส่
วนที่
สองคื
อ “คำ
�ร้
อง” ในเพลงร้
องพื้
นบ้
าน
จะใช้
คำ
�เรี
ยบง่
าย ไม่
เคร่
งครั
ดสั
มผั
สนั
ก สื่
อความง่
าย ตรงไป
ตรงมา และมี
เนื้
อหาที่
เป็
นการพรรณนาจึ
งใช้
ศั
พท์
พื้
นๆ ที่
ใช้
ในชี
วิ
ตประจำ
�วั
น เช่
น คั
นไถ เคี
ยว หมาก พลู
เรื
อ พาย โอ่
กะละมั
ง ถั
ง หรื
อ ชาม เป็
นต้
น เพื่
อใช้
สั
ญลั
กษณ์
แทนคำ
ที่
ต้
องการเปรี
ยบเที
ยบหรื
อเปรี
ยบเปรยให้
คิ
ดตาม โดยจะมี
คำ
�คล้
องจอง สั
มผั
สคำ
� ลำ
�ดั
บตามจั
งหวะคำ
� จนเกิ
ดคำ
�ว่
“เพลงร้
องพื้
นบ้
าน”
เป็
นเพลงของชาวบ้
าน
ที่
สร้
างสรรค์
ขึ้
นจากภู
มิ
ปั
ญญาเพื่
อการท�
ำกิ
จกรรมต่
างๆ
ในสั
งคมเฉพาะถิ่
น หรื
อเฉพาะกลุ
มสั
งคมที่
มี
วั
ฒนธรรม
ร่
วมกั
นเป็
นสมบั
ติ
กลางของทุ
กคน โดยเพลงร้
องพื้
นบ้
านนั้
มี
ขั้
นตอนการด�
ำเนิ
นตามวิ
ธี
ที่
ใช้
หรื
อปฏิ
บั
ติ
ต่
อๆ กั
นมา
ความหมายในเนื้
อเพลงบ่
งบอกความเป็
นตั
วตนของเจ้
าของ
วั
ฒนธรรมโดยแท้
รวมไปถึ
งความคิ
ดและภู
มิ
ปั
ญญาของ
ชาวบ้
านที่
ท�
ำหน้
าที่
ปรุ
งแต่
งสาระให้
เกิ
ดขึ้
นท่
ามกลางสรรพสิ่
รอบตั
ว ซึ่
งการร้
องเพลงพื้
นบ้
านของนั
กเพลงผู
เป็
นพ่
อเพลง
แม่
เพลง หรื
อบุ
คคลในวงวั
ฒนธรรม ได้
สะท้
อนความคิ
ดออกมา
จากอาชี
พการเกษตร ด้
วยการใช้
เพลงเพื่
อร้
องโต้
ตอบ หรื
เกี้
ยวพาราสี
ระหว่
างคู
นั
กเพลง ท�
ำให้
กลุ
มชาวบ้
านได้
มี
โอกาส
สั
งสรรค์
ร่
วมกั
น ยั
งให้
ทุ
กชี
วิ
ตมี
สุ
ข สนุ
กสนาน เพลิ
ดเพลิ
ผ่
อนคลายอารมณ์
ผ่
อนคลายความตึ
งเครี
ยดจากการท�
ำงาน
และก่
อให้
เกิ
ดความรื่
นเริ
งบั
นเทิ
งใจอี
กด้
วย
กิ
จกรรมทางสั
งคมเป็
นศู
นย์
รวมความสั
มพั
นธ์
ของ
วิ
ถี
ชี
วิ
ตชุ
มชน ซึ่
งความสามั
คคี
ก็
เกิ
ดขึ้
นจากการประกอบ
อาชี
พ โดยเฉพาะการท�
ำนาอั
นเป็
นอาชี
พหลั
กของสั
งคม
ภาคการเกษตร รวมถึ
งมี
การท�
ำบุ
ญตามศรั
ทธาความเชื่
การเข้
าร่
วมประเพณี
และการร่
วมงานเทศกาลที่
ปรากฏ
ในปฏิ
ทิ
นของชุ
มชน มี
การร้
องและเล่
นเพลงในยามว่
าง
หรื
อเล่
นขณะท�
ำงาน ดั
งนั้
นเพลงร้
องพื้
นบ้
านจึ
งมี
บทบาท
ด้
านความบั
นเทิ
งเริ
งใจ และมี
ความส�
ำคั
ญต่
อการเชื่
อม
ต่
อชี
วิ
ตชุ
มชนอย่
างมี
ความหมาย อี
กทั้
งเพลงร้
องพื้
นบ้
าน
ในอดี
ตก็
ถื
อเป็
นเครื่
องมื
อบอกเล่
าเรื่
องราวต่
างๆ สะท้
อน
ประวั
ติ
ศาสตร์
ชุ
มชน ผ่
านการบอกเล่
าด้
วยค�
ำเพลง ถ่
ายทอด
ความรู
สึ
กนึ
กคิ
ด สะท้
อนภาพลั
กษณ์
ทางสั
งคมแต่
ละช่
วงสมั
ต่
อเนื่
องมาอย่
างยาวนาน
โดยลั
กษณะเพลงร้
องพื้
นบ้
านนั้
นมี
จุ
ดเด่
ที่
ความเรี
ยบง่
าย มี
การสื
อสารเนื้
อหาสาระเกี่
ยวข้
องกั
วิ
ถี
ชี
วิ
ตอย่
างตรงไปตรงมา ใช้
ส�
ำนวนถ้
อยค�
ำด้
วยภาษา
ชาวบ้
าน บางถ้
อยที่
ร้
อยกรองค�
ำอาจได้
รั
บการตี
ความ
มาจากความคิ
ดของคนนอกวั
ฒนธรรมว่
าหยาบ หรื
กล่
าวถึ
งเรื่
องเพศว่
าเป็
นเรื่
องไม่
สุ
ภาพ ความเป็
นจริ
งแล้
ความสำ
�คั
ญแต่
นานมาของเพลงร้
องพื้
นบ้
าน
การแสดงออกของค�
ำเพลงได ้
บอกเล ่
าปรั
ชญาชี
วิ
ความคิ
ด ความเชื่
อ ค่
านิ
ยม เช่
น เมื่
อกล่
าวถึ
งเรื่
องเพศ
ส�
ำหรั
บสั
งคมชุ
มชนในอดี
ตแล้
ว ชาวบ้
านถื
อว่
าเป็
นเรื่
อง
ธรรมดา ภู
มิ
ปั
ญญาของการคิ
ดค�
ำเปรี
ยบเที
ยบ เปรี
ยบเปรย
จะใช้
สั
ญลั
กษณ์
แทนการกล่
าวค�
ำตรงออกมาอย่
างปฏิ
ภาณกวี
ซึ่
งเป็
นการลั
บสมองลองเชาวน์
ของบุ
คคลที่
ท�
ำบทบาทเป็
พ่
อเพลง แม่
เพลง และถื
อได้
ว่
าเป็
นผู
ช�
ำนาญการใช้
ศิ
ลปะ
ด้
านเพลงดนตรี
จนเรี
ยกขานได้
ว่
าเป็
นศิ
ลปิ
นเพลงหรื
นั
กเพลงของวั
ฒนธรรมพื้
นบ้
านไปเลยที
เดี
ยว
1,2,3,4,5,6,7 9,10,11,12,13,14,15,16,17,18,...124