กรกฎาคม-กั
นยายน
๒๕๕๕
75
สุ
ชาติ
มิ
ได้
หยุ
ดความสนใจไว้
เพี
ยงแค่
งานเขี
ยน หากแต่
ยั
งข้
ามพรมแดนไปสู่
ศิ
ลปะการแสดงด้
วย
แต่
ครั้
งยั
งเป็
นนั
กศึ
กษาธรรมศาสตร์
 สุ
ชาติ
และเพื่
อนฝู
ที่
สนใจงานวรรณกรรม อั
นได้
แก่
 นิ
คม รายวา วี
รประวั
ติ
วงศ์
พั
วพั
นธุ
 วิ
นั
ย อุ
กฤษณ์
 วิ
ทยากร เชี
ยงกู
ล ธั
ญญา 
ผลอนั
นต์
 ค�
ำรณ คุ
ณะดิ
ลก ฯลฯ ได้
รวมตั
วกั
นเป็
นกลุ
ม 
“พระจั
นทร์
เสี้
ยว”  ต่
อมาบางคนในกลุ
มหั
นมาสนใจงาน
ละครเวที
 จึ
งเริ่
มเขี
ยนบทและจั
ดแสดงละครที่
มี
เนื้
อหาทาง
สั
งคม-การเมื
องขึ้
น  สุ
ชาติ
เองเขี
ยนบทละครเรื่
อง “ชั้
นที่
 ๗”
ซึ่
งได้
รั
บความนิ
ยมน�
ำไปจั
ดแสดงกั
นตามมหาวิ
ทยาลั
ยต่
าง ๆ
บ่
อยครั้
จนอี
ก ๑๐ กว่
าปี
ต่
อมา สุ
ชาติ
ยั
งคงสนใจละครเวที
อยู
ในปี
พ.ศ. ๒๕๒๘ เขาและมิ
ตรสหาย เช่
น รั
ศมี
 เผ่
าเหลื
องทอง 
ปนั
ดดา เลิ
ศล�้
ำอ�
ำไพ  ยุ
ทธนา มุ
กดาสนิ
ท ร่
วมกั
นก่
อตั้
คณะละครสองแปด ซึ่
งมี
บทบาทผลิ
ตละครเวที
คุ
ณภาพ 
อี
กหลายเรื่
อง นั
บตั้
งแต่
การเปิ
ดตั
วด้
วย
กาลิ
เลโอ
 (๒๕๒๘)
ติ
ดตามมาด้
วย 
อยากให้
ชี
วิ
ตนี
ไม่
มี
เธอ
 (๒๕๒๙)  
สู
ฝั
นอั
น 
ยิ
่งใหญ่
 (๒๕๓๐) และ
ผู
้มาเยือน
 (๒๕๓๑)
อี
กแง่
มุ
มหนึ่
งของ สุ
ชาติ
 สวั
สดิ์
ศรี
 ที่
อาจไม่
ค่
อยเป็
นที่
รั
บรู้
กั
นแพร่
หลายนั
ก คื
อศิ
ลปิ
นทั
ศนศิ
ลป์
เขาเคยเล่
าถึ
งความสนใจงานทั
ศนศิ
ลป์
ว่
า 
“หนั
งสื
อเกี่
ยวกั
บศิ
ลปะที่
ผมอ่
านตอนช่
วงอยู
ปี
แรก ๆ
ของมหาวิ
ทยาลั
ย คื
อหนั
งสื
อของ น. ณ ปากน�้
ำ  
บั
นได 
เข้
าถึ
งศิ
ลป
 ของโอเดี
ยนสโตร์
 เล่
มละ ๕ บาท ๗ บาท ผม
เห็
นค�
ำนี้
ก็
กระโจนเข้
าไปหาเลย มั
นให้
พลั
งบางอย่
าง สิ่
งที่
อาจารย์
เจตนา (ศ. เจตนา นาควั
ชระ) พู
ดว่
า ศิ
ลปะส่
องทาง
ให้
กั
น น. ณ ปากน�้
ำ ก็
พู
ดว่
าศิ
ลปะแต่
ละสาขาเป็
นพี่
น้
องกั
มั
นมี
ปฏิ
สั
มพั
นธ์
กั
น มั
นให้
พลั
งข้
ามกั
นได้
 มั
นคงอยู
ใน 
ความคิ
ดของผม” 
ในปี
 พ.ศ. ๒๕๓๘ สุ
ชาติ
 สวั
สดิ์
ศรี
 เริ่
มหั
นมาจั
บงาน
ศิ
ลปะอี
กลั
กษณะหนึ่
ง เขาอธิ
บายจุ
ดเริ่
มต้
นไว้
ว่
า 
“งานเขี
ยนในลั
กษณะวรรณกรรมสร้
างสรรค์
แบบเดิ
ม...
จะว่
าถึ
งจุ
ดอิ่
มตั
วก็
ไม่
ถู
ก ยั
งอยากเขี
ยนเรื่
องสั้
น บทกวี
 นิ
ยาย
แต่
งานในลั
กษณะแสดงพลั
ง มั
นไม่
ออกมาเป็
นตั
วหนั
งสื
อ 
ถึ
งออกมาก็
ไม่
พอใจ การมาท�
ำหน้
าที่
บรรณาธิ
การ มาเป็
คนที่
อยู
ข้
างหลั
งคอยผลั
กดั
นคนอื่
น ท�
ำให้
พลั
งสร้
างสรรค์
ของ
ผมมั
นกลายเป็
นอี
กเรื่
อง เป็
นคนท�
ำงานวิ
ชาการไป
“ผมเลยลองข้
ามสื่
อดู
 มาใช้
เครื่
องมื
ออี
กแบบ ไม่
ได้
คิ
ว่
ามั
นจะได้
ผลหรื
อไม่
ได้
ผล  แต่
เมื่
อเริ่
มแล้
ว รู
สึ
กว่
าท�
ำได้
ต่
อเนื่
อง  ผมรู
สึ
กว่
ามั
นทดแทนสิ่
งที่
ผมไม่
ได้
แสดงออกด้
วย
ตั
วหนั
งสื
อ  มั
นสามารถแสดงออกทางอะไรบางอย่
างได้
 เมื่
เริ่
มต้
นแล้
วก็
ไม่
อยากให้
ขาดช่
วงไป ก็
เลยท�
ำมาโดยตลอด...”
ภายในเวลาไม่
กี่
ปี
 สุ
ชาติ
สร้
างผลงานจิ
ตรกรรมทั้
ง 
เล็
กใหญ่
ได้
หลายพั
นชิ้
น  และนั
บตั้
งแต่
ปี
 พ.ศ. ๒๕๔๔
ศิ
ลปิ
นคนนี้
ตั
ดสิ
นใจเปิ
ดตั
วผลงานศิ
ลปะอี
กแขนงหนึ่
งของ 
เขา เริ่
มจากการแสดงงานร่
วมกั
บพี่
น้
องเพื่
อนฝู
ง ก่
อนจะ 
ขยั
บขยายมาเป็
นการแสดงเดี่
ยว คื
อ 
สุ
ชาติ
โทเปี
 [SUCH-
ARTOPIA] (๒๕๔๖)  
สุ
ชาติ
มาเนี
 [SUCH-ARTMANIA]
(๒๕๔๗)  
สุ
ชาติ
เฟลเลี
 [SUCH-ARTFAILURE] (๒๕๔๘)
และ 
ประวั
ติ
ศาสตร์
ส่
วนตั
 (๒๕๔๙) 
ใน 
สุ
ชาติ
มาเนี
 เขาน�
ำเสนอนวนิ
ยายทั
ศนศิ
ลป์
(Visual Art Novel) 
จิ
นตนาการไร้
บรรทั
 เป็
นสมุ
ดรวม 
ภาพวาดหนากว่
า ๑,๐๐๐ หน้
า แต่
แล้
วเกิ
ดฉุ
กคิ
ดขึ้
นมาว่
ผู
ชมอาจไม่
มี
โอกาสเปิ
ดดู
 หรื
อถึ
งจะเปิ
ดดู
ก็
ไม่
สะดวกนั
ก 
จึ
งพั
ฒนาไปสู่
งานศิ
ลปะอี
กรู
ปแบบหนึ่
ง 
“เริ่
มจากการที่
มี
กล้
องดิ
จิ
ทั
ล แล้
วถ่
ายภาพที่
เราวาดไว้
...
ได้
ความคิ
ดว่
ามั
นมี
 mode เคลื่
อนไหว ก็
เลยถ่
ายรู
ป 
แยกเป็
นบท ๆ ใส่
เพลงประกอบ เอาไปเปิ
ดให้
คนดู
ผ่
านจอ
คอมพิ
วเตอร์
” 
จากนั้
น สุ
ชาติ
 สวั
สดิ์
ศรี
 จึ
งเข้
าสู
ยุ
คของ “หนั
งทดลอง”
เริ่
มด้
วยชุ
ดแรก “ประวั
ติ
ศาสตร์
ส่
วนตั
ว” ๑๔ เรื่
อง ความยาว
ชั่
วโมงครึ่
ง น�
ำเสนอในการแสดงงานเดี่
ยวปี
 พ.ศ. ๒๕๔๙
และชุ
ดที่
 ๒ “อั
นเนื่
องมาจากราชประสงค์
” เก้
าเรื่
อง
ความยาว ๔๕ นาที
  เขาพู
ดถึ
งภาพเคลื่
อนไหวอย่
างที่
เขา
เรี
ยกว่
าเป็
น 
จิ
ตรกรรมวี
ดิ
ทั
ศน์
 นี้
ไว้
ว่
1...,67,68,69,70,71,72,73,74,75,76 78,79,80,81,82,83,84,85,86,87,...124