76
วั
ฒนธ รม
“เกิ
ดความคิ
ดเหมื
อนว่
าจากสองมิ
ติ
 เป็
นสามมิ
ติ
 ใช้
กล้
องดิ
จิ
ทั
ลเป็
นเหมื
อนพู
กั
น ส่
วนเมมโมรี
ก็
เป็
นกระดาษ
แทนที่
จะต้
องแสดงในห้
องสี่
เหลี่
ยม ก็
เอาใส่
แผ่
น (ซี
ดี
) ไป
เปิ
ดที่
ไหนก็
ได้
 ก็
เป็
นส่
วนต่
อขยาย เป็
นมุ
มมองศิ
ลปะของ 
ผมที่
ไม่
ได้
ลงกระดาษ ไม่
ได้
ลงผ้
าใบ แล้
วก็
เป็
นความคิ
ด 
มุ
มมองต่
าง ๆ มี
ทั้
งมุ
มมองเกี่
ยวกั
บศิ
ลปะ เรื่
องประวั
ติ
ศาสตร์
แล้
วก็
อดไม่
ได้
ที่
จะต้
องมี
สั
งคม-การเมื
อง อะไรแบบนี้
...”
ย้
อนกลั
บมาที่
เรื่
องหนั
งสื
อของ สุ
ชาติ
 สวั
สดิ์
ศรี
 อี
กครั้
ที่
ผ่
านมามี
ผู
ยกย่
องไว้
ว่
า “สิ
งห์
สนามหลวง” เป็
น 
“เสาหลั
กวงวรรณกรรมไทย” หรื
อเป็
น “ตู
วรรณกรรมเคลื่
อนที่
” 
ค�
ำนิ
ยมนี้
ส่
วนหนึ่
งย่
อมมี
ฐานที่
มั่
นหยั่
งลึ
กอยู
ในห้
องสมุ
ด 
ส่
วนตั
วของเขาที่
สะสมมานานร่
วม ๕๐ ปี
ตั้
งแต่
สมั
ยเป็
นั
กศึ
กษาธรรมศาสตร์
  เขาเล่
าว่
า “ผมโดนคนในบ้
านต่
อว่
ว่
าท�
ำให้
บ้
านเป็
นโกดั
งเก็
บของ ซึ่
งก็
ถู
ก หนั
งสื
อก็
งอกตลอด
เวลาต้
องอาศั
ยพื้
นที่
ห้
องโน้
นบ้
าง ห้
องนี้
บ้
าง...ก็
คนชอบ
หนั
งสื
อ รั
กหนั
งสื
อ จะให้
ท�
ำอย่
างไร...”
ห้
องสมุ
ดของ “สิ
งห์
ฯ” เปรี
ยบเสมื
อนขุ
มทรั
พย์
วรรณกรรม 
ที่
มี
หนั
งสื
อมากมายอั
นมิ
อาจหาพบในหอสมุ
ดแห่
งชาติ
หรื
ห้
องสมุ
ดมหาวิ
ทยาลั
ยแห่
งใด  นั
กวิ
ชาการและนั
กศึ
กษา
จ�
ำนวนไม่
น้
อยเคยได้
ใช้
ประโยชน์
จากหนั
งสื
อเหล่
านี้
ในการ
ศึ
กษาวิ
จั
ยมาแล้
ว  มี
ทั้
งวรรณกรรมภาษาไทยและภาษา
อั
งกฤษ หนั
งสื
อศิ
ลปะ หนั
งสื
อการเมื
อง หนั
งสื
อต้
องห้
ามหรื
หนั
งสื
อ “ใต้
ดิ
น”  หนั
งสื
อพิ
มพ์
ระหว่
าง พ.ศ. ๒๕๑๖-๒๕๑๙
นิ
ตยสารเก่
าชุ
ดสมบู
รณ์
หลายสิ
บรายชื่
อ  ทั้
งหมดเข้
าแถว
เรี
ยงอยู
เต็
มตู
หนั
งสื
อและชั้
นหนั
งสื
อติ
ดฝาทุ
กด้
านตั้
งแต่
พื้
จดเพดาน และมี
อี
กมากที่
อั
ดแน่
นอยู
ในลั
งวางซ้
อนกั
นสู
ท่
วมหั
วตามห้
องหั
บต่
าง ๆ ทั่
วบ้
าน  
แม้
จะไม่
เคยมี
การท�
ำทะเบี
ยนหรื
อส�
ำรวจนั
บว่
าสุ
ชาติ
เก็
บหนั
งสื
อไว้
ในบ้
านเขาปริ
มาณเท่
าใด แต่
พอจะประเมิ
คร่
าว ๆ ได้
ว่
าน่
าจะมี
จ�
ำนวนหลายหมื่
นเล่
ม   
เกื
อบทั้
งหมดจมน�้
ำไปพร้
อมกั
บบ้
านของ “สิ
งห์
ฯ”
ตั้
งแต่
ปลายเดื
อนตุ
ลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
บ้
านสวนรั
งสิ
ตของสุ
ชาติ
 เผชิ
ญน�้
ำท่
วมมาแล้
วหลาย
ครั้
งทั้
งในปี
 พ.ศ. ๒๕๓๘ และ ๒๕๔๙ เมื่
อถึ
งปี
 ๒๕๕๔ 
สุ
ชาติ
ประเมิ
นสถานการณ์
ว่
าระดั
บน�้
ำอาจสู
งกว่
าที่
เคยบ้
าง
แต่
แล้
วเมื่
อ “น้
องน�้
ำ” มาเข้
าจริ
ง ๆ ภายในวั
นเดี
ยวระดั
บน�้
ท่
วมสู
งจนยื
นไม่
ถึ
ง เขาตั
ดสิ
นใจว่
าต้
องอพยพโดยด่
วน 
พ่
อ-แม่
-ลู
ก คื
อสุ
ชาติ
 กั
บ “ศรี
ดาวเรื
อง” ภรรยา และ โมน
สวั
สดิ์
ศรี
 บุ
ตรชาย ต้
องเกาะถั
งแกลลอน ต้
นกล้
วย และ
กะละมั
ง พยุ
งตั
วว่
ายน�้
ำหนี
ออกจากบ้
านกั
นอย่
างทุ
ลั
กทุ
เล
ต้
นเดื
อนธั
นวาคม ๒๕๕๔ เมื่
อกลั
บเข้
าบ้
านอี
กครั้
งหลั
น�้
ำลด คราบน�้
ำสู
งสุ
ดมื
อเอื้
อมบ่
งบอกระดั
บน�้
ำในตั
วบ้
านของ
เขาว่
าเกิ
นกว่
า ๒ เมตร  สิ่
งแรกที่
ปรากฏแก่
สายตาเมื่
อเข้
าไป
ในบ้
านได้
คื
อภู
เขากระดาษเปื
อยยุ
ยที่
แปรสภาพจากหนั
งสื
ซึ่
งจมน�้
ำมานานแรมเดื
อน 
สุ
ชาติ
ตั
ดสิ
นใจกู
บ้
านก่
อนเป็
นอั
นดั
บแรก พรรคพวก
เพื่
อนฝู
งพากั
นมาช่
วยขนซากหนั
งสื
อออกไปกองไว้
รอบบ้
าน
บ้
าง ถมลงไปในท้
องร่
องสวนบ้
าง  ซึ่
งเพี
ยงเท่
านั้
นก็
ต้
องใช้
เวลาถึ
ง ๕ วั
นเต็
ม  จากนั้
นจึ
งเริ่
มซ่
อมแซมบ้
านให้
พออาศั
อยู
ได้
 และเริ่
มเก็
บกู
หนั
งสื
อส่
วนที่
ยั
งไม่
เสี
ยหายมากนั
กไป
พลาง เช่
นหนั
งสื
อที่
อยู
ตามชั้
นระดั
บบนสุ
ดติ
ดเพดาน ซึ่
งน�้
ท่
วมไม่
มิ
ด  บางเล่
มยั
งพอเอามาตากผึ่
งให้
แห้
ง เปิ
ดกรี
ดทุ
หน้
าได้
โดยไม่
ติ
ดกั
นเป็
นปึ
กเป็
นก้
อน แต่
สุ
ดท้
ายที่
ยั
งเหลื
รอดมาล้
วนตกอยู
ในสภาพ “ซอมบี้
” บวมพองอื
ดแทบทั้
งสิ้
ปลายเดื
อนมกราคม ๒๕๕๕ มี
การประกาศรายชื่
ศิ
ลปิ
นแห่
งชาติ
 ประจ�
ำปี
 พ.ศ. ๒๕๕๔ จ�
ำนวนเก้
าคน 
ในสามสาขา หนึ่
งในนั้
นคื
อ สุ
ชาติ
 สวั
สดิ์
ศรี
 จากสาขา
วรรณศิ
ลป์
 ประเภทเรื่
องสั้
นและกวี
นิ
พนธ์
พฤษภาคม ๒๕๕๕ การซ่
อมแซมและปรั
บปรุ
งเรื
อน
หลั
งเก่
ายั
งไม่
เรี
ยบร้
อยดี
นั
ก 
“นี่
คื
องาน ‘installation’ - ศิ
ลปะติ
ดตั้
งจั
ดวางที่
ลงทุ
นสู
ที่
สุ
ดของผม  ตั้
งชื่
อล้
อยุ
คสมั
ย ‘บ้
าตั
วภาษาอั
งกฤษ’ ไว้
ว่
า 
Don’t cry for me, Big Bags !”
เจ้
าของบ้
านพาชี้
ชวนชมซากหนั
งสื
อที่
ยั
งกองทั
บถมอยู
รอบ ๆ บ้
านสวน บางส่
วนเริ่
มกลื
นกลายเป็
นเนื้
อเดี
ยวกั
บ 
เนื้
อดิ
น มี
วั
ชพื
ชไม้
เลื้
อยขึ้
นปกคลุ
1...,68,69,70,71,72,73,74,75,76,77 79,80,81,82,83,84,85,86,87,88,...124