32
วั
ฒนธ รม
ก็
คื
อสั
ตว์
ในจิ
นตนาการของท้
องถิ่
น ซึ่
งในรายละเอี
ยดจะมี
รู
ปแบบย่
อยแตกต่
างกั
นหลายแบบ  จุ
ดเด่
นคื
อมี
จมู
กยื่
นยาว
งอนขึ้
น ดวงตาถลนดุ
ดั
น ปากแสยะยิ้
มเห็
นฟั
นเรี
ยงเป็
นแถว
และเขี้
ยวสี่
เขี้
ยวชั
ดเจน  มี
หงอน ผม และเคราใต้
คาง  
ช่
างดั้
งเดิ
มนิ
ยมท�
ำหั
วกริ
ชจากไม้
แก้
ว ไม้
ตาลด�
ำ เพราะ
เนื้
อแข็
ง ละเอี
ยด เหมาะแก่
การน�
ำมาแกะสลั
กลวดลายที่
ละเอี
ยดซั
บซ้
อนได้
ดี
  หากเป็
นของชนชั้
นสู
งจะนิ
ยมเลี่
ยมทอง
นาก เงิ
น ตามส่
วนต่
าง ๆ เช่
น จมู
ก เขี้
ยว หงอน ให้
รั
บกั
เนื้
อไม้
สี
เข้
ม  ช่
างในปั
จจุ
บั
นนอกจากนิ
ยมท�
ำหั
วรู
ปนกพั
งกะ
แล้
วยั
งท�
ำเป็
นรู
ปหั
วไก่
 หั
วงู
จงอาง และรู
ปคน
ว่
ากั
นว่
าหั
วกริ
ชรู
ปนกพั
งกะปั
ตตานี
เป็
นหั
วกริ
ชที่
มี
ความวิ
จิ
ตรงดงามมาก อาจเป็
นเพราะในสมั
ยดั
งกล่
าวเมื
อง
ปั
ตตานี
มี
ความเจริ
ญและเป็
นศู
นย์
ศึ
กษาศาสนาอิ
สลามที่
ส�
ำคั
ญ  กริ
ชปั
ตตานี
จึ
งได้
รั
บความนิ
ยมในหมู
นั
กเลงกริ
อย่
างสู
ฝั
กกริ
 แบบปั
ตตานี
 ตั
วฝั
กจะเหยี
ยดตรง ส่
วนปี
กฝั
(หรื
อปากฝั
ก) ท�
ำเป็
นรู
ปคล้
ายเรื
อกอและ ส่
วนบนทั้
งสองข้
าง
บางและงอนเข้
าหากั
น ข้
างหนึ่
งต�่
ำข้
างหนึ่
งสู
ง รั
บกั
บหั
วกริ
เพื่
อช่
วยเสริ
มความสง่
างามของหั
วกริ
ชพั
งกะอย่
างเหมาะสม
มี
ข้
อสั
งเกตว่
าฝั
กกริ
ชรุ
นเก่
า ตั
วฝั
กและปี
กฝั
กจะท�
ำจากไม้
ชิ้
นเดี
ยวทั้
งอั
น โดยช่
างใช้
วิ
ธี
เจาะ คว้
าน ตกแต่
งไม้
ให้
มี
ขนาดพอดี
กั
บตากริ
ช  ส่
วนฝั
กรุ
นหลั
งมี
รู
ปร่
างเหมื
อนกั
บ 
รุ
นเก่
า แต่
ตั
วฝั
ก ปี
กฝั
ก ประกอบขึ้
นจากคนละชิ้
น  บางครั้
ก้
นฝั
กก็
แยกออกเป็
นอี
กชิ้
นหนึ่
งด้
วย
ในสมั
ยนิ
ยม กริ
ชชั้
นดี
เล่
มหนึ่
ง ๆ ย่
อมต้
องใช้
ช่
างฝี
มื
อดี
หลายคนท�
ำส่
วนต่
าง ๆ ของกริ
ช ได้
แก่
 ตี
ใบกริ
ช แกะสลั
กหั
กริ
ช และท�
ำฝั
ก  ช่
างกริ
ชมี
ทั้
งช่
างที่
เจ้
านายอุ
ปถั
มภ์
และ 
ช่
างทั่
วไป ซึ่
งช่
างอุ
ปถั
มภ์
เป็
นพวกที่
ผ่
านการคั
ดเลื
อก มี
ปั
จจั
เอื้
อให้
ท�
ำงานประณี
ตกว่
าช่
างทั่
วไป  
ตามประวั
ติ
ที่
บอกเล่
าต่
อ ๆ กั
นมา สกุ
ลช่
างปั
ตตานี
เชื่
อมโยงถึ
งช่
างกริ
ชรามั
น เนื่
องจากเมื่
อประมาณ ๒๐๐- 
๓๐๐ ปี
ก่
อน เจ้
าเมื
องรามั
น (ปั
จจุ
บั
นเป็
นอ�
ำเภอหนึ่
งใน
จั
งหวั
ดยะลา) ประสงค์
จะท�
ำกริ
ชประจ�
ำตั
วเจ้
าเมื
องและ 
เป็
นอาวุ
ธคู
บ้
านคู
เมื
องด้
วย จึ
งเชิ
ญช่
างฝี
มื
อดี
จากชวา ชื่
ปาแนซาระห์
 มาท�
ำกริ
ชที่
เมื
องรามั
น ช่
างจึ
งท�
ำกริ
ชขึ้
นมา
อย่
างมี
เอกลั
กษณ์
เฉพาะท้
องถิ่
น เรี
ยกขานกั
นว่
า “กริ
ชแบบ
ปาแนซาระห์
” ตามชื่
อของช่
าง  แต่
นั้
นมาจึ
งมี
การสื
บทอด
การท�
ำกริ
ชในพื้
นที่
รามั
น โดยเฉพาะต�
ำบลตะโละหะลอ 
นานหลายชั่
วอายุ
คน
จากต�
ำราและค�
ำบอกเล่
าของช่
างกริ
ชชั้
นครู
เช่
น 
“ตี
พะลี
 อะตะบู
” แห่
งตะโละหะลอ ประมวลได้
ว่
า กริ
ชที่
พบในคาบสมุ
ทรและหมู
เกาะย่
านนี้
 แบ่
งตามสกุ
ลช่
างได้
ราว
เจ็
ดแบบ คื
อ แบบชวา แบบสุ
มาตรา แบบกลุ
มบาหลี
-มดู
รา
แบบบู
กิ
ส แบบซุ
นดา แบบคาบสมุ
ทรตอนเหนื
อ และแบบ
ปั
ตตานี
 (รวมสงขลา) ในพื้
นที่
ภาคใต้
ของไทยพบกริ
ชเหล่
านี้
แทบทุ
กชนิ
ด แต่
ที่
พบมากสุ
ดย่
อมเป็
นกริ
ชปั
ตตานี
ตี
พะลี
 วั
ย ๖๐ ปี
 ปั
จจุ
บั
นเป็
นประธานกลุ
มท�
ำกริ
ช 
รามั
นห์
 ต�
ำบลตะโละหะลอ เล่
าว่
าตั
วเองเป็
นลู
กศิ
ษย์
ของ 
ตวน บู
กิ
ส หลวงซารี
 ซึ่
งเป็
นช่
างกริ
ชที่
ได้
รั
บการถ่
ายทอดวิ
ชา
จากลู
กศิ
ษย์
ของปาแนซาระห์
เป็
นล�
ำดั
บชั้
นที่
 ๔ (ชั่
วอายุ
คน)
นั
บถึ
งตอนนี้
 เขาท�
ำกริ
ชมาแล้
วกว่
า ๓๐ ปี
ตามค�
ำบอกเล่
าของเขา ระหว่
างใบกริ
ชกั
บหั
วกริ
ชนั้
น 
ท�
ำยากพอ ๆ กั
น  โดยปกติ
ใบกริ
ชใช้
เหล็
กสองชนิ
ด คื
อ 
เหล็
กรี
ดร้
อน (ด�
ำ) และเหล็
กซิ
งค์
 หนา ๐.๕ นิ้
ว หลอมรวมกั
น 
ส่
วนหั
วกริ
ชใช้
ไม้
เนื้
อแข็
ง เช่
น ไม้
แก้
วป่
า มะม่
วงป่
า ประดู
ในกลุ
มท�
ำกริ
ชของเขามี
ช่
างที่
ได้
รั
บการฝึ
กฝี
มื
อขึ้
นมา
ประมาณ ๑๐ คน ช่
างท�
ำใบกริ
ชที่
ฝี
มื
อเข้
าขั้
นมี
 ๓ คน 
ช่
างท�
ำหั
วกริ
ชและฝั
กอี
ก ๓ คน 
>
เจ๊
ะแว เต๊
ะลู
กา 
อดี
ตช่
างตี
มี
ดกรี
ดยาง
ที่
หั
นมาเป็
นช่
างกริ
ด้
วยการสนั
บสนุ
นของ
ส่
วนราชการ
1...,24,25,26,27,28,29,30,31,32,33 35,36,37,38,39,40,41,42,43,44,...124