เมษายน-มิ
ถุ
นายน
๒๕๕๕
111
กองบรรณาธิ
การ
ประวั
ติ
ศาสตร์
มหาสมุ
ทรอิ
นเดี
ย
ดร. ธิ
ดา สาระยา
(ส�
านั
กพิ
มพ์
เมื
องโบราณ, ๒๕๕๔)
ผลงานที
่
เปิ
ดมุ
มมองประวั
ติ
ศาสตร์
ทั
้
งด้
วยแนวคิ
ดและการใช้
หลั
กฐานในการ
ศึ
กษา โดยมี
ผื
นน�
้
าธรรมชาติ
กว้
างใหญ่
ของ
มหาสมุ
ทรอิ
นเดี
ยเป็
นสื
่
อกลางในการค้
นหา
อดี
ตของกลุ
่
มชนหลากหลายจากฝั
่
งทะเลแดง
ถึ
งทะเลจี
น และชนริ
มฝั
่
งน�
้
ากั
บชนในภาค
พื
้
นทวี
ป ที
่
ล้
วนมี
ปฏิ
สั
มพั
นธ์
ทางการค้
า
ผ่
านมหาสมุ
ทรอิ
นเดี
ยในช่
วงต้
นคริ
สตกาล
จนถึ
งคริ
สต์
ศตวรรษที่
๑๔
น่
าสนใจหลั
กฐานที
่
ผู
้
เขี
ยนน�
ามาใช้
ศึ
กษา เพราะเป็
นการผสานข้
อมู
ลหลาก
หลายประเภท ทั
้
งผลการขุ
ดค้
นทางโบราณ
คดี
จารึ
ก วรรณกรรมโบราณของอิ
นเดี
ยใต้
บทความและหนั
งสื
อมากมาย รวมทั
้
งการ
ลงพื้
นที่
ของผู้
เขี
ยน
แม้
ขนาดของ
ประวั
ติ
ศาสตร์
มหาสมุ
ทร
อิ
นเดี
ย
อาจจะพาให้
ระย่
อใจ แต่
รั
บรองว่
า
คุ
้
มค่
ากั
บความรู
้
ที
่
ได้
รั
บ สมกั
บที
่
ได้
รั
บ
รางวั
ลดี
เด่
นประเภทสารคดี
จากส�
านั
กงาน
คณะกรรมการการศึ
กษาขั
้
นพื
้
นฐาน (สพฐ.)
ในการประกวดหนั
งสื
อดี
เด่
นประจ�
าปี
พ.ศ.
๒๕๕๕
โรคภู
มิ
แพ้
ตอน แพ้
อากาศ
พญ. สิ
ริ
นั
นท์
และ ผศ. นพ. เฉลิ
มชั
ย
บุ
ญยะลี
พรรณ
(ส�
านั
กพิ
มพ์
อมริ
นทร์
สุ
ขภาพ, ๒๕๕๕)
เชื
่
อว่
าหลายคนคิ
ดว่
าตนเป็
นโรค “แพ้
อากาศ” เมื
่
อเกิ
ดอาการคั
ดจมู
ก น�
้
ามู
กไหล
ระคายคอ โดยเฉพาะในวั
นที
่
เช้
าร้
อนบ่
ายฝน
ตก ท่
ามกลางภาวะที
่
ภู
มิ
อากาศดู
จะแปร
ปรวนทุ
กวั
นนี้
แต่
นั่
นเป็
นความเข้
าใจผิ
ด !
ในมุ
มมองของแพทย์
โรคแพ้
อากาศที
่
มั
กเรี
ยกกั
นนี
้
แท้
จริ
งคื
อโรคจมู
กอั
กเสบจาก
ภู
มิ
แพ้
(ซึ
่
งโรคจมู
กอั
กเสบก็
มี
สาเหตุ
จาก
หลายสิ
่
งเช่
นกั
น) ผู
้
เขี
ยนซึ
่
งเป็
นแพทย์
รั
กษา
โรคภู
มิ
แพ้
ได้
อธิ
บายเกี
่
ยวกั
บโรคภู
มิ
แพ้
อย่
าง
รอบด้
าน นั
บตั
้
งแต่
สาเหตุ
ลั
กษณะอาการ
การทดสอบให้
รู
้
แน่
ว่
าผู
้
ป่
วยแพ้
อะไร การ
รั
กษาและป้
องกั
นตั
วจากภาวะภู
มิ
แพ้
ท�
า
ให้
ผู
้
อ่
านได้
เข้
าใจโรคภู
มิ
แพ้
อั
นน�
าไปสู
่
การ
ดู
แลตนเองเป็
นหลั
ก พึ
่
งยาเป็
นรอง เพราะ
โรคภู
มิ
แพ้
เป็
นโรคที
่
บั
่
นทอนการด�
าเนิ
นชี
วิ
ต
และยั
งเป็
นเหตุ
ให้
เกิ
ดโรคอื
่
น ๆ ติ
ดตามมา
ทั
้
งคออั
กเสบ หู
ชั
้
นกลางอั
กเสบ ไซนั
สอั
กเสบ
เป็
นต้
น และที
่
แน่
ๆ จะได้
เข้
าใจกั
นเสี
ยที
ว่
า
อากาศไม่
ใช่
สาเหตุ
ของโรคภู
มิ
แพ้
ดั
งที
่
เรา
ท่
านมั
กเชื่
อกั
น
วิ
ชาอาชี
พชาวสยาม
จากหนั
งสื
อวชิ
รญาณวิ
เศษ
ร.ศ. ๑๐๘-๑๑๓
(กรมศิ
ลปากร, ๒๕๕๔)
หนั
งสื
อเล่
มนี
้
ให้
ภาพของคนไทยยุ
ค
รั
ชกาลที
่
๕ ผ่
านเรื
่
องราวการประกอบอาชี
พ
ที
่
หลากหลาย โดยกรมศิ
ลปากรได้
รวม
บทความจาก
วชิ
รญาณวิ
เศษ
ระหว่
าง พ.ศ.
๒๔๓๒-๒๔๓๗ มาจั
ดพิ
มพ์
แต่
ละเรื
่
อง
หรื
อแต่
ละอาชี
พให้
รายละเอี
ยดไว้
น่
าสนใจ
เริ
่
มด้
วยการอธิ
บายว่
าแต่
ละอาชี
พคื
ออะไร
มี
การด�
าเนิ
นการเช่
นไร ได้
ค่
าตอบแทนและ
เสี
ยภาษี
เท่
าไร บางเรื
่
องเล่
าถึ
งความเชื
่
อ
ที
่
เกี
่
ยวเนื
่
องกั
บอาชี
พนั
้
น ๆ ด้
วย เช่
นเรื
่
อง
“การจั
บปลาบึ
ก” ที
่
เล่
าถึ
ง “พวกท้
าวขุ
นตั
้
ง
พิ
ธี
” และ “เครื
่
องเซ่
นในเมื
่
อจะจั
บปลา”
เป็
นต้
น
ความน่
าสนใจอี
กประการหนึ
่
ง คื
อความ
หลากหลายของอาชี
พที
่
เล่
าไว้
ในหนั
งสื
อ
เล่
มนี
้
ที
่
มี
ทั
้
งด้
านเกษตรกรรม หั
ตถกรรม
อุ
ตสาหกรรม สาธารณสุ
ข บริ
การ บาง
อาชี
พอาจฟั
งดู
แปลก ๆ ส�
าหรั
บคนปั
จจุ
บั
น
เช่
น การไล่
เนื
้
อ วิ
ธี
หุ
งพิ
มเสน การดั
กและ
ประสมโคป่
าและกระบื
อป่
า วิ
ธี
ท�
าพุ
่
มขี้
ผึ้
ง
เป็
นต้
น
1...,103,104,105,106,107,108,109,110,111,112
114,115,116,117,118,119,120,121,122,123,...124