60
นอกจากรสจั
ดจ้
านของน้
ำ
�พริ
กที่
เป็
นเอกลั
กษณ์
เฉพาะตั
วแล้
ว น้
ำ
�พริ
กยั
งมี
ประโยชน์
และสรรพคุ
ณทางยา
มากมาย เพราะน้
ำ
�พริ
กมี
ส่
วนประกอบของสมุ
นไพร
หลากหลายชนิ
ดที่
เป็
นประโยชน์
ต่
อสุ
ขภาพ ทั้
งขิ
ง ข่
า ตะไคร้
พริ
ก หอมแดง เป็
นต้
น หากเพิ่
มเนื้
อสั
ตว์
เช่
น ปลาร้
า กุ้
งแห้
ง
หรื
อแม้
แต่
ปลาแห้
ง ก็
จะทำ
�ให้
เราได้
รั
บสารอาหารอย่
างครบถ้
วน
เพราะในการรั
บประทานน้
ำ
�พริ
กแต่
และครั้
ง มั
กจะมี
เครื่
องเคี
ยงอย่
างผั
กสดและผั
กลวกหลากหลายชนิ
ดที่
เป็
น
ประโยชน์
ต่
อร่
างกาย
อี
กทั้
งน้
ำ
�พริ
กยั
งสามารถเพิ่
มการสร้
างเซลล์
กำ
�จั
ด
เชื้
อโรคได้
อย่
างเป็
นธรรมชาติ
ส่
งเสริ
มระบบการไหลเวี
ยน
โลหิ
ต และระบบการหายใจให้
ดี
ขึ้
น ซึ่
งช่
วยลดปั
จจั
ยเสี่
ยง
ในการเกิ
ดโรคมะเร็
ง โรคหั
วใจและโรคเบาหวาน เนื่
องจาก
น้ำ
�พริ
กมี
ส่
วนประกอบของ Antioxidants และ Anti-aging
และสามารถลดการเกิ
ดโรคมะเร็
ง โรคหั
วใจ ได้
ร้
อยละ ๒๐
ส่
วนโรคลม โรคทางสมอง ได้
ร้
อยละ ๒๖ ถึ
ง ๔๒ ทำ
�ให้
ลด
ภาวะการเสี
่
ยงที่
จะเกิ
ดโรคเหล่
านั้
นร้
อยละ ๙๘ ของคนทั่
วไป
ที่
นิ
ยมรั
บประทานน้ำ
�พริ
กเป็
นอาหารจานหลั
ก ในขณะที่
ร้
อยละ ๖๔ นิ
ยมรั
บประทานน้ำ
�พริ
กเป็
นประจำ
�ทุ
กวั
น
พริ
กในเมื
องไทยนั้
นแต่
เดิ
มเป็
นพื
ชพื้
นถิ่
นใน
ทวี
ปอเมริ
กา ซึ่
งเข้
ามาในเอเชี
ยช่
วงคริ
สต์
ศตวรรษที่
๑๖ และ
พบหลั
กฐานการปลู
กพริ
กในอิ
นโดนี
เซี
ยครั้
งแรกเมื่
อ
พ.ศ. ๒๐๘๓ จากนั้
นก็
ขยายไปตามเมื
องท่
าต่
างๆ ตาม
เส้
นทางการเดิ
นเรื
อค้
าขายของชาวโปรตุ
เกส จากชวา
มะละกา ไทย พม่
า จี
น เขมร ลาว อิ
นเดี
ย ไปจนถึ
งศรี
ลั
งกา
จึ
งทำ
�ให้
พริ
กกระจายไปทั่
วภู
มิ
ภาคเพื่
อนบ้
านของเรา
สำ
�หรั
บคนไทยเราน้ำ
�พริ
กที่
เป็
นที่
นิ
ยมที่
สุ
ด ได้
แก่
น้ำ
�พริ
กกะปิ
น้ำ
�พริ
กปลาทู
น้ำ
�พริ
กปลาร้
า และน้ำ
�พริ
กหนุ่
ม