64
วิ
ถี
ความเป็
นมาภาษากฺ๋
อง
ชาวกฺ๋
องเป็
นกลุ่
มคนที่
มี
ภาษาเป็
นของตนเอง
โดยภาษากฺ
๋
องนั
้
นจั
ดอยู
่
ในตระกู
ลทิ
เบต-พม่
า ใช้
กั
นมาตั
้
งแต่
อดี
ต
แต่
ปั
จจุ
บั
นภาษานี
้
อยู
่
ในขั
้
นวิ
กฤตรุ
นแรง และใกล้
จะสู
ญสลาย
ทุ
กวั
นนี้
ชาวกฺ๋
องแทบจะถู
กกลื
นกลายไปตามสภาพสั
งคมที่
เปลี่
ยนแปลง เนื่
องด้
วยปั
จจุ
บั
นมี
ชาวต่
างถิ่
น เช่
น ลาวและ
ไทยเข้
ามาอาศั
ยอยู
่
ในท้
องที
่
จำ
�นวนมาก อี
กทั
้
งระบบการศึ
กษา
และการติ
ดต่
อจากภายนอก ชาวกฺ๋
องจึ
งได้
ซึ
มซาบเอาภาษา
ต่
างถิ่
นมากขึ้
นเรื่
อยๆ ทำ
�ให้
มี
โอกาสที่
จะพู
ดภาษาของ
ตนเองน้
อยมาก จนแทบจะไม่
ได้
พู
ดเลยด้
วยซ้ำ
� นั่
นอาจจะ
เรี
ยกได้
ว่
า ภาษากฺ๋
อง เข้
าขั้
นวิ
กฤตก็
ว่
าได้
เพราะทั้
งประเทศ
เหลื
อชาวกฺ๋
องไม่
ถึ
ง ๑๐๐ คนที่
สามารถพู
ดภาษาของตนเอง
ได้
เป็
นคนรุ่
นชราแทบทั้
งสิ้
น
อี
กทั้
งเยาวชนคนรุ่
นใหม่
ก็
ไม่
เข้
าใจภาษาดั้
งเดิ
ม
ของชุ
มชน ที
่
สำ
�คั
ญภาษากฺ
๋
องก็
ยั
งไม่
มี
ตั
วเขี
ยน มี
แต่
ภาษาพู
ด
หากผู้
เฒ่
าผู้
แก่
ที
่
พู
ดภาษาได้
หมดไปแล้
ว ภาษากฺ๋
องก็
จะต้
อง
หายสาบสู
ญตามไปด้
วยในที่
สุ
ด ถึ
งแม้
ว่
าจะมี
นั
กวิ
จั
ยจาก
ภาษากฺ๋
อง
ชงชองยั่
ว งอยุ
ก มองเช ชี
เชมาตากา เพนี
แดง
ตะ กั
งก่
า มองเชแช ชุ
ย๋
อ ญี
ยึ๋
ง เดาะเนี
ย เชเชงง่
อ โทะ
โทะอ่
อ ชู
อาเฺ
ผงญาโทะ ชุ
กอ่
อ มอมุ
งแชก๋
อ เอิ
กดาง
ปาทองเช โทะแลงง่
อ ชุ
เคงเท งอไล่
โพย พี
นี่
งอยุ
ก เดี
ย
นชามชุ
เด วั
นอาคาน นึ
งโทะ เดี
ยนพี
เคื
ออี
คอคอ วั
นทิ
ด
บะเลอ เย๋
พ�ุ
กย๋
อ
แปลเป็
นไทย
เอาแรงฟั
นไร่
กั
นห้
าคน มี
แต่
ผู
้
ชาย ผู
้
หญิ
งไม่
ได้
ไป
กลั
วไม้
ล้
มทั
บใส่
เอามี
ดเหรี
ยญขอถางหญ้
าเล็
กก่
อน
พอถางหญ้
าเล็
กเสร็
จแล้
ว เอามี
อี
โต้
ฟั
นไม้
เล็
กอี
ก พอฟั
น
ล้
มหมด ส่
วนไม้
ใหญ่
เอาขวานฟั
น ฟั
นไม้
เล็
กใหญ่
เสร็
จ
หมดแล้
ว กะได้
ประมาณห้
าไร่
ใช้
สี่
วั
น ห้
าคน เริ่
มฟั
นไร่
เดื
อนสาม เดื
อนสี
่
ฟั
นเสร็
จทิ
้
งไว้
ให้
หญ้
าแห้
งกะว่
าเผาไหม้
เดื
อนสี่
แรมเจ็
ดค่ำ
� พอถึ
งวั
นอาทิ
ตย์
ก็
เตรี
ยมเผาไร่
ภายนอกเข้
ามาศึ
กษาและเก็
บรวบรวมไว้
และพยายามสร้
าง
ภาษาเขี
ยนร่
วมกั
บคนในชุ
มชน แต่
ก็
ไม่
เพี
ยงพอและไม่
ยั่
งยื
น
เพราะตราบใดที่
ชุ
มชนยั
งไม่
ลงมื
อฟื้
นฟู
ด้
วยตนเองก็
คง
เป็
นการยากที่
จะรั
กษาเอกลั
กษณ์
ทางภาษานี้
ไว้
ได้
ส่
งผลให้
ชาวกฺ๋
องส่
วนหนึ่
งเริ่
มมี
ความกั
งวล และ
ตระหนั
กว่
าจะต้
องรั
กษาภาษาของตนไว้
ซึ่
งสิ่
งหนึ่
งที่
จะต้
อง
ลงมื
อในทั
นที
นั่
นก็
คื
อการสอนภาษากฺ๋
องให้
กั
บลู
กหลาน
โดยการให้
เด็
กๆ พู
ดคุ
ยกั
บผู
้
เฒ่
าผู
้
แก่
ในหมู
่
บ้
าน วิ
ธี
การนี
้
เชื
่
อว่
า
อย่
างน้
อยอี
ก ๒๐ ปี
ข้
างหน้
าภาษากฺ๋
องก็
จะยั
งคงอยู่
หรื
อ
อย่
างน้
อยๆ ก็
อาจจะช่
วยชะลอการจากไปของภาษาที่
สั่
งสม
ภู
มิ
ปั
ญญาบรรพชนได้
บ้
าง
รู
ปแบบการเขี
ยนภาษากฺ๋
องที่
ชาวบ้
านร่
วมกั
บ
นั
กวิ
จั
ยช่
วยกั
นประดิ
ษฐ์
ขึ
้
นนั
้
น ถู
กถ่
ายทอดผ่
านงานเขี
ยน
เชิ
งเล่
าเรื่
องวิ
ถี
ชี
วิ
ตและประวั
ติ
ของหมู่
บ้
านจากปากคำ
�ผู้
เฒ่
า
ผู้
แก่
โดยลั
กษณะภาษาที
่
ประกอบกั
นเป็
นประโยคจะมี
รู
ปแบบ
ดั
งนี
้
ภาษากฺ๋
อง
เย๋
พ�ุ
กเคเลอ เย๋
ว่
ากั�
งดอ เดี
ยนอ่
าท่
อ อาแค่
ง
นี
เลอโพ เย๋
พ�ุ
กเคงเลอ เว๋
ทุ
กเดี
ยเค คู
แมะ ทองคา อาคก
จิ
งแจ มึฺ
ง พ�ึ
ง อากั
ว แต่
งแจ คะย๋
อ ชี่
ชกจาวุ
พุ
กท่
อคะ
เดอ่
อ
แปลเป็
นไทย
ก่
อนเผาไร่
ก็
ต้
องดู
ว่
า ลมพั
ดไปทางใด สมมุ
ติ
ว่
า
ลมพั
ดไปทางท้
ายไร่
ก็
ต้
องจุ
ดไฟสวนทางลม ลมจะ
ป้
องกั
นไฟไม่
ให้
ลามไหม้
ไปที่
อื่
น ไฟไหม้
หมดแล้
ว
แล้
วจึ
งเก็
บเศษไม้
ที
่
เหลื
อเก็
บกองไว้
แล้
วเผาอี
ก พอถึ
ง
เดื
อนห้
าวั
นอะไรก็
ได้
ถ้
าฝนตกมาก็
เตรี
ยมข้
าวโพดข้
าว
เหนี
ยว ข้
าวโพดหวาน ฝั
กทอง แตงกวา แตงส้
ม แตงโม
เผื
อก มั
น นำ
�ไปปลู
กไว้
กลางไร่
ถั
่
วฝั
กยาวปลู
กริ
มไร่
ตาม
จอมปลาก็
ปลู
กยาสู
บไว้
1...,56,57,58,59,60,61,62,63,64,65
67,68,69,70,71,72,73,74,75,76,...124