56
ส่
วนผสมจั
ดจ้
านคู่
ครั
วไทย
เวลาตำ
�น้
�พริ
กจะต้
องอาศั
ยแรงในการบดเพื่
ช่
วยคลุ
กเคล้
าทุ
กอย่
างให้
เข้
ากั
น จนผสานกลายเป็
นเนื
อเดี
ยว
บ้
างก็
ใช้
จิ้
มกิ
นกั
บผั
กลวก บ้
างก็
โขลกใส่
เครื่
องแกง เพิ่
ความกลมกล่
อมให้
กั
บแกงยิ
งขึ
น แต่
น้
อยคนนั
กที
จะรู
ที
มาที
ไป
ของน้ำ
�พริ
ก เพราะน้
�พริ
กแต่
ละถิ่
นฐานก็
ย่
อมแตกต่
างกั
ออกไป
หากถามว่
า น้
�พริ
กมาจากไหน หรื
อใครนำ
�น้
�พริ
เข้
ามา ก็
ต้
องบอกว่
า มาจากหลายหลั
กแหล่
ง ซึ่
งจาก
การบั
นทึ
กของทู
ตฝรั่
งเศสครั้
งสมเด็
จพระนารายณ์
ปรากฏ
ว่
าคนไทยทั่
วๆ ไปกิ
นข้
าวกั
บผลไม้
และปลาเค็
มเล็
กน้
อย แต่
ไม่
มี
เอ่
ยถึ
งพริ
ก เมื่
อครั้
นที่
โกษาปานเดิ
นทางไปฝรั่
งเศสก็
ได้
นำ
�ปลาร้
าไปด้
วย ซึ่
งในแวดวงวิ
ชาการสั
นนิ
ษฐานว่
า พริ
กซึ่
เป็
นพื
ชพื้
นเมื
องของอเมริ
กาใต้
ก็
น่
าจะเข้
ามาสู่
ภู
มิ
ภาคนี้
มา
กั
บเรื
อของชาวโปรตุ
เกส สำ
�หรั
บในเมื
องไทยก็
คื
อสมั
ยสมเด็
พระเอกาทศรถ ก่
อนสมเด็
จพระนารายณ์
ไม่
นานนั
ก จึ
สั
นนิ
ษฐานว่
าคนไทยน่
าจะเริ่
มรู้
จั
กทำ
�น้
�พริ
กราวๆ ปลาย
กรุ
งศรี
อยุ
ธยา เนื่
องจากเดิ
มเรากิ
นปลาเป็
นพื้
น เลี้
ยงไก่
ก็
เอา
ไว้
กิ
นไข่
ซึ่
งนั่
นอาจเพราะศี
ลข้
อ ๑ ของพุ
ทธศาสนาที่
บอกว่
ไม่
ให้
ฆ่
าสั
ตว์
ดั
งนั้
นการฆ่
าสั
ตว์
ใหญ่
จึ
งเป็
นเรื่
องที่
ต้
องทำ
�ใจ
เป็
นอย่
างมาก อี
กทั้
งการกิ
นหมู
และวั
ว ก็
เป็
นเรื่
องของคนจี
และฝรั่
ง ซึ่
งนำ
�ความนิ
ยมนั้
นเข้
ามาสู่
คนไทย
จากนั้
นน้
�พริ
กจึ
งเริ่
มเข้
ามาตั้
งแต่
สมั
ยอยุ
ธยา โดย
คำ
�ว่
า “น้ำ
�พริ
ก” มี
ความหมายมาจากการปรุ
งด้
วยสมุ
นไพร
พื
ชผั
กพื
นบ้
านอย่
าง พริ
ก กระเที
ยม หั
วหอม และ เครื
องเทศ
กลิ่
นแรง นำ
�มาโขลกหรื
อบดรวมกั
น เพื่
อใช้
สำ
�หรั
บจิ้
ประกอบกั
บผั
กชนิ
ดต่
างๆ เช่
น ดอกแค มะเขื
อยาว แตงกวา
ถั่
วฝั
กยาว มะเขื
อม่
วง ถั่
วพู
ไปจนถึ
งสั
ตว์
น้ำ
�ต่
างๆ เช่
น ปลา
กุ้
ง เป็
นต้
เนื่
องจากวิ
ถี
ชี
วิ
ตของคนไทยสมั
ยก่
อนนั้
น มั
กจะ
เด็
ดผั
กหาปลาตามท้
องไร่
ท้
องนา รวมถึ
งสั
ตว์
บกและสั
ตว์
น้
ที่
หาได้
ง่
ายในท้
องถิ่
น แล้
วนำ
�มาประกอบอาหารกิ
นกั
ภายในครอบครั
ว วิ
ถี
ชี
วิ
ตดำ
�เนิ
นไปแบบเรี
ยบง่
ายไม่
ซั
บซ้
อน
ยุ่
งยากเหมื
อนกั
บสมั
ยปั
จจุ
บั
น ซึ่
งจะทำ
�อาหารแต่
ละครั้
งก็
จะต้
องซื้
อหาวั
ตถุ
ดิ
บมาเป็
นหลั
ก หรื
อไม่
ก็
ซื้
ออาหาร
สำ
�เร็
จรู
ปกั
นไปเลย เนื่
องด้
วยไม่
มี
เวลาทำ
�ครั
การประกอบอาหารจากวั
ตถุ
ดิ
บที่
หามาได้
นั้
น มั
จะเป็
นอาหารสด ที่
ค่
อนข้
างมี
กลิ่
นคาวของเนื้
อสั
ตว์
เราจึ
คิ
ดค้
นน้
�พริ
กขึ้
นเพื่
อเพิ่
มรสชาติ
ของอาหารและดั
บกลิ่
นคาว
ของเนื
อสั
ตว์
น้
�พริ
กจึ
งถู
กนำ
�มาทำ
�เป็
นส่
วนประกอบในการ
ประกอบอาหารต่
างๆ หรื
อจะรั
บประทานกั
บข้
าวเปล่
าก็
ได้
ซึ่
งได้
รั
บความนิ
ยมตั้
งแต่
อดี
ตมาจนถึ
งปั
จจุ
บั
น โดยอาจจะมี
การดั
ดแปลงวั
ตถุ
ดิ
บและกรรมวิ
ธี
การผสมผสานกั
นไปบ้
าง
ตามยุ
คสมั
ยที่
เปลี่
ยนแปลง แต่
ที่
ยั
งคงเป็
นเอกลั
กษณ์
และ
ทำ
�ให้
เรายั
งคงจดจำ
�ได้
ว่
านั
นคื
อน้
�พริ
ก ก็
เพราะต้
องรสจั
ดจ้
าน
มี
กลิ
นหอมนี
แหละที
ทำ
�ให้
น้
�พริ
กยั
งคงอยู
ในสำ
�รั
บกั
บข้
าวไทย
มาโดยตลอด
1...,48,49,50,51,52,53,54,55,56,57 59,60,61,62,63,64,65,66,67,68,...124