99
กรกฎาคม-กั
นยายน ๒๕๕๖
ภาษาของชาวเปอรานากั
ภาษาแม่
ของชาวเปอรานากั
น คื
อภาษา Baba Malay
ซึ่
งเป็
นหนึ่
งในภาษาถิ
นของภาษามาเลย์
โดยมี
คำ
�ฮกเกี้
ยน
เข้
ามาผสมอยู่
มาก และยั
งมี
คำ
�ในภาษาโปรตุ
เกส ดั
ทช์
ทมิ
และอั
งกฤษ เข้
ามาปะปน เป็
นภาษาใช้
ในการติ
ดต่
อสื่
อสาร
ในวงจำ
�กั
ดเฉพาะกลุ
มเปอรานากั
นรุ
นเก่
าๆและชาวจี
นช่
องแคบ
แต่
ภาษานี้
กำ
�ลั
งจะสู
ญพั
นธุ์
ไป ในปั
จจุ
บั
นคนรุ่
นหลั
จำ
�นวนมากพู
ดไม่
ได้
แล้
ว เพราะไม่
ได้
ถู
กฝึ
กให้
พู
ด และหั
นไปใช้
ภาษาอั
งกฤษ มาเลย์
รวมทั้
งแมนดาริ
นแทน ส่
วนคนรุ่
นใหม่
ชาวเปอรานากั
นในอิ
นโดนี
เซี
ย ยั
งสามารถใช้
ภาษานี้
ได้
แต่
ใช้
อย่
างจำ
�กั
ดในโอกาสที่
ไม่
เป็
นทางการ มี
การนำ
�คำ
�ใหม่
เข้
ามาใช้
จนทำ
�ให้
เกิ
ดช่
องว่
างของภาษาระหว่
างเปอรานากั
รุ่
นเก่
ากั
บรุ่
นใหม่
ศาสนาและวั
ฒนธรรมของชาวเปอรานากั
ชาวเปอรานากั
นแม้
จะมี
เชื้
อสายมลายู
แต่
ก็
ไม่
ได้
นั
บถื
อศาสนาอิ
สลาม ส่
วนใหญ่
ยั
งมี
ความเชื่
อแบบชาวจี
เช่
น นั
บถื
อลั
ทธิ
เต๋
า ขงจื
อ และพุ
ทธมหายาน ในขณะเดี
ยวกั
ก็
รั
บเอาประเพณี
ความเชื่
อของแผ่
นดิ
นที่
พวกเขาได้
ลงหลั
กปั
กฐานอยู่
รวมทั้
งวั
ฒนธรรมของเจ้
าอาณานิ
คม
จึ
งพบว่
าอิ
ทธิ
พลของโปรตุ
เกส ดั
ทช์
อั
งกฤษ มาเลย์
และ
อิ
นโดนี
เซี
ย ได้
ปรากฏอยู่
ในวั
ฒนธรรมของบ้
าบ๋
า-ย่
าหยาด้
วย
บางครอบครั
วนั
บถื
อศาสนาคริ
สต์
นิ
กายโรมั
นคาธอลิ
แต่
ในสั
งคมสมั
ยใหม่
ชาวเปอรานากั
นรุ
นหนุ
มสาวจำ
�นวนมาก
เป็
นคริ
สเตี
ยน
ในปั
จจุ
บั
นแม้
ว่
าชาวเปอรานากั
นจะพู
ดภาษามาเลย์
กิ
นอาหารและแต่
งกายแบบมาเลย์
รวมทั้
งเน้
นความสั
มพั
นธ์
ทางสายเลื
อดฝ่
ายแม่
มากกว่
าฝ่
ายพ่
อเช่
นเดี
ยวกั
บชาวมาเลย์
ก็
ตาม แต่
ก็
ยั
งคงดำ
�รงวั
ฒนธรรมตามแบบจี
นได้
อย่
าง
เหนี
ยวแน่
น การให้
ความเคารพและกตั
ญญู
ต่
อบิ
ดามารดา
เป็
นสิ่
งที่
สำ
�คั
ญมาก และการเซ่
นไหว้
บู
ชาบรรพบุ
รุ
ษก็
ถื
อเป็
หั
วใจสำ
�คั
ญ ครอบครั
วบ้
าบ๋
าจำ
�นวนมากยั
งให้
ความสำ
�คั
ต่
อเทศกาลเชงเม้
ง ส่
วนวั
นตรุ
ษจี
นก็
ถื
อเป็
นเทศกาลสำ
�คั
สำ
�หรั
บบ้
าบ๋
า-ย่
าหยา แต่
พิ
ธี
กรรมหลายอย่
างได้
ถู
กลดทอน
หรื
อยกเลิ
กไปในยุ
ควั
ตถุ
นิ
ยมที่
ชี
วิ
ตเต็
มไปด้
วยความเร่
งรี
เครื่
องแต่
งกายแบบประเพณี
ของย่
าหยาคื
อ Baju
Panjang เป็
นเสื้
อตั
วยาวหลวมๆ แขนยาว คอแหลม ซึ่
งเดิ
เป็
นของชาวชวา สวมทั
บเสื้
อตั
วสั้
นข้
างในที่
มี
คอปกตั้
และนุ่
งโสร่
งบาติ
ก เสื้
อแบบนี้
ไม่
มี
กระดุ
มแต่
จะติ
ดเข็
มกลั
สามอั
นแทน สวมรองเท้
าแตะหรื
อมี
ส้
นเตี้
ยๆ เปิ
ดส้
น ประดั
ลู
กปั
ด ซึ่
งเป็
นงานหั
ตกรรมที่
สำ
�คั
ญสำ
�หรั
บย่
าหยาที่
ต้
องใช้
ทั
กษะและความอดทนอย่
างสู
ง ด้
วยการปั
กลวดลายด้
วย
เส้
นด้
ายหรื
อประดั
บลู
กปั
ดเม็
ดเล็
กๆ เป็
นลวดลายต่
างๆ
อย่
างงดงาม
ในช่
วงปลายทศวรรษที่
๑๙๒๐ ย่
าหยารุ่
นสาวๆ
หั
นมาสวมใส่
เสื
อเกบายา (kebaya) แทน เพราะดู
ทั
นสมั
ยกว่
ซึ่
งเป็
นเสื้
อตั
วสั้
นที่
ดู
สวยงามอ่
อนหวาน ผ้
าเนื
อบางตั
ดเย็
เข้
ารู
ปพอดี
ตั
ว มี
ลายปั
กและลู
กไม้
ที
ละเอี
ยดประณี
ตตรงคอเสื
ชายเสื้
อ และปลายแขนเสื้
อ ด้
านหน้
าของเสื้
อทำ
�เป็
ชายแหลมยาวกว่
าด้
านหลั
ง ติ
ดเข็
มกลั
ดสามอั
นแทนกระดุ
โดยสวมทั
บเสื้
อชั้
นใน ซึ่
งต่
อมาเกบายาก็
ได้
รั
บความนิ
ยม
จนกลายเป็
นชุ
ดแบบประเพณี
ของย่
าหยาในทุ
กหนทุ
กแห่
และทุ
กวั
ย ส่
วนบ้
าบ๋
าจะสวมเสื้
อ baju lokchun ซึ่
งเป็
นเสื้
แบบเต็
มยศตั
วยาวของชายชาวจี
น แต่
คนรุ
นใหม่
หั
นไปสวมใส่
เสื้
อผ้
าไหมตั
วสั้
นกว่
า แขนยาว คอจี
น หรื
อเสื้
อเชิ้
ตบาติ
และสวมชุ
ดสู
ทแบบตะวั
นตกในโอกาสที่
เป็
นทางการ
การแต่
งกาย
1...,91,92,93,94,95,96,97,98,99,100 102,103,104,105,106,107,108,109,110,111,...124