เมษายน-มิ
ถุ
นายน
๒๕๕๕
11
แบ่
งของกั
นแล้
วหั
วขโมยก็
แยกย้
ายกั
นหลบหนี
แต่
รุ่
งเช้
าหลั
งคื
นกรุ
แตก ความก็
แตก
ตอนหนึ
่
งในหนั
งสื
อ
เครื
่
องทองกรุ
งศรี
อยุ
ธยา
ของ
ประทุ
ม ชุ
่
มเพ็
งพั
นธุ
์
กล่
าวว่
า ต�
ารวจคนที
่
เฝ้
าพระปรางค์
ผู
้
กลั
บกลายเป็
นคนร้
ายเสี
ยเอง ได้
สมบั
ติ
ส่
วนหนึ
่
งไปแล้
ว
จะเอาไปแบ่
งให้
เจ้
านายด้
วย จึ
งถู
กจั
บ
ในบั
นทึ
กการสอบปากค�
าคนร้
ายของต�
ารวจ ระบุ
ว่
า
คนร้
ายได้
พระมหามงกุ
ฎเอาไปสวมใส่
แล้
วถื
อพระแสง
ดาบออกมาร�
าเล่
นอยู
่
หน้
าตลาดหั
วรอ ต�
ารวจเที
่
ยวไล่
จั
บ ข้
าวของตกเรี
่
ยรายตามถนน ชาวบ้
านเก็
บกั
นได้
มากมาย
แต่
ลิ
เกษมสั
งข์
แย้
งว่
าเรื
่
องคนใส่
มงกุ
ฎร�
าดาบนั
้
น
เป็
นลิ
เกเมาเหล้
า และเกิ
ดหลั
งกรุ
แตกหลายสิ
บปี
แต่
คน
จั
บไปปะปนเป็
นเรื
่
องเดี
ยวกั
น ความจริ
งที
่
ความแตก
เป็
นเพราะโจรคนหนึ
่
งหอบห่
อสมบั
ติ
เดิ
นไปสวนกั
บ
ต�
ารวจ แล้
วคงลนลาน ท�
ากระโถนทองค�
าร่
วง จึ
งถู
ก
รวบตั
ว
ต�
ารวจขยายผลตามจั
บกุ
มได้
แปดคน และหนี
หลุ
ดรอดไปบางส่
วน เครื
่
องทองที
่
ยึ
ดคื
นมาได้
คาดว่
ามี
ไม่
ถึ
ง ๑ ใน ๑๐ ส่
วนของเครื
่
องทองทั
้
งหมดที
่
เชื
่
อว่
า
น่
าจะมี
อยู่
กว่
า ๑๐๐ กิ
โลกรั
ม
เฉพาะที
่
ถู
กยั
กยอกไปหลอมขายประมาณว่
าไม่
ต�
่
า
กว่
า ๑๐ กิ
โลกรั
ม
ภายหลั
งกรมศิ
ลปากรเข้
าขุ
ดค้
นต่
อจากคนร้
าย ได้
สมบั
ติ
ที่
ท�
าด้
วยนาก ทอง เงิ
น และเพชรนิ
ลจิ
นดา อี
ก
กว่
า ๑๐ กิ
โลกรั
ม พร้
อมพระพิ
มพ์
อี
กนั
บแสนองค์
พระพิ
มพ์
บางส่
วนถู
กแบ่
งน�
าออกให้
ประชาชน
เช่
าบู
ชา ได้
เงิ
น ๓ ล้
านกว่
าบาทมาเป็
นทุ
นในการสร้
าง
พิ
พิ
ธภั
ณฑสถานแห่
งชาติ
เจ้
าสามพระยา ตามพระนาม
ของกษั
ตริ
ย์
กรุ
งศรี
อยุ
ธยาผู้
สร้
างกรุ
วั
ดราชบู
รณะ
ตามประวั
ติ
ศาสตร์
ใน
พระราชพงศาวดารกรุ
งเก่
า
ฉบั
บหลวงประเสริ
ฐอั
กษรนิ
ติ
์
ว่
า สมเด็
จพระบรมราชา-
ธิ
ราชที่
๒ ทรงสถาปนาวั
ดราชบู
รณะขึ
้
นบริ
เวณที
่
ถวาย
พระเพลิ
งพระบรมศพของพระราชบิ
ดา และสร้
างเจดี
ย์
สององค์
ทั
บจุ
ดที
่
พระเชษฐาทั
้
งสองชนช้
างกั
นถึ
งแก่
พิ
ราลั
ย
โดยก่
อนนั
้
นเมื
่
อสมเด็
จพระนคริ
นทราธิ
ราช (พระ
อิ
นทราชาธิ
ราชที
่
๑) กษั
ตริ
ย์
ผู
้
ทรงมี
บทบาทอย่
างส�
าคั
ญ
ในการสถาปนากรุ
งศรี
อยุ
ธยาให้
รุ
่
งเรื
องมั
่
งคั
่
งในด้
าน
เศรษฐกิ
จและมี
อ�
านาจยิ
่
งใหญ่
ในทางการเมื
อง จนได้
ชื
่
อ
ว่
า “ราชอาณาจั
กรสยาม” มาแต่
นั
้
น ได้
เสด็
จสวรรคต
ในปี
พ.ศ. ๑๙๖๗ เจ้
าอ้
ายพระยา โอรสองค์
ใหญ่
ที
่
ไป
ครองเมื
องสุ
พรรณภู
มิ
(สุ
พรรณบุ
รี
) กั
บเจ้
ายี
่
พระยา
โอรสองค์
รองที
่
ไปครองเมื
องแพรกศรี
ราชา (ชั
ยนาท)
ต่
างก็
ยกทั
พเข้
ากรุ
งหวั
งราชสมบั
ติ
ทั้
งสองพระองค์
ทรง
กระท�
ายุ
ทธหั
ตถี
บริ
เวณเชิ
งสะพานป่
าถ่
านที
่
อยู
่
ระหว่
าง
วั
ดมหาธาตุ
กั
บวั
ดราชบู
รณะ ต่
างต้
องพระแสงของ้
าว
ถึ
งแก่
พิ
ราลั
ยทั้
งคู่
เจ้
าสามพระยาจึ
งได้
เสด็
จขึ
้
นครองราชสมบั
ติ
ทรง
พระนามว่
า สมเด็
จพระบรมราชาธิ
ราชที
่
๒ และทรง
สร้
างวั
ดขึ
้
นบริ
เวณที
่
ถวายพระเพลิ
งพระบรมศพของ
พระราชบิ
ดา และสร้
างเจดี
ย์
เป็
นอนุ
สรณ์
แด่
พระเชษฐา
กรุ
พระปรางค์
วั
ดราชบู
รณะอั
นเป็
นขุ
มสมบั
ติ
แห่
ง
ความมั
่
งคั
่
งในอดี
ตที
่
คนยุ
คนี
้
ได้
รู
้
จั
ก ก็
คงถู
กสร้
างขึ
้
น
ในคราวนั
้
น เพื
่
ออุ
ทิ
ศถวายเป็
นพุ
ทธบู
ชาแด่
พระบรม-
สารี
ริ
กธาตุ
อั
นถื
อเป็
นกุ
ศลยิ
่
งใหญ่
เสมื
อนการบู
ชาองค์
พระพุ
ทธเจ้
า หวั
งให้
กิ
ริ
ยาบุ
ญนั
้
นช่
วยเกื
้
อหนุ
นให้
คนที
่
ท�
าและบรรพบุ
รุ
ษญาติ
พี่
น้
องได้
ประสบความสุ
ขสมหวั
ง
ดั
งปรารถนา มี
โอกาสได้
เกิ
ดในยุ
คพระศรี
อาริ
ยเมตไตรย
เป็
นผลบุ
ญหนุ
นน�
าสู
่
การบรรลุ
นิ
พพาน และแสดงถึ
ง
ความมุ
่
งมั
่
นและศรั
ทธาอั
นแรงกล้
าของพุ
ทธศาสนิ
กชน
ที่
จะร่
วมกั
นสื
บอายุ
พระพุ
ทธศาสนาให้
บรรลุ
ถึ
ง ๕,๐๐๐
ปี
ตามพุ
ทธท�
านาย
๑ ใน ๑๐ ส่
วนของเครื่
องทองทั้
งหมด
เฉพำะที่
ถู
กยั
กยอกไปหลอมขำยประมำณว่
ำไม่
ต�่
ำกว่
ำ ๑๐ กิ
โลกรั
ม
1...,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12
14,15,16,17,18,19,20,21,22,23,...124