98
วั
ฒนธ รม
ลวดลายหนึ
งที
พบเห็
นอย่
างมากในประเทศกลุ
อาเซี
ยน คื
อ “รู
ปนาค”  ที
เป็
นรู
ปสั
ตว์
พิ
เศษ คื
อเป็
น 
งู
ใหญ่
 และมั
กเกี
ยวพั
นกั
บน�
าหรื
อรั
กษาขุ
มทรั
พย์
  โดย 
ทั
วไปเกื
อบทุ
กประเทศในอาเซี
ยนจะมี
ปี
 ๑๒ นั
กษั
ตร 
“นาค” ก็
เป็
นหนึ
งใน ๑๒ นั
กษั
ตร ที
รู
จั
กในนามของ 
“มะโรง”  
หากแต่
ในดิ
นแดนตอนเหนื
อของประเทศไทย คื
ล้
านนา จะเรี
ยกปี
เกิ
ดของปี
มะโรงงู
ใหญ่
ว่
า “ปี
สี
” ถื
อเป็
ผู
ที
เกิ
ดจากเท้
าเบื
องซ้
ายของพระพรหม เป็
นชาวธาตุ
ดิ
น 
และมี
ค�
าท�
านายเกี
ยวกั
บชี
วิ
ต ว่
ามั
กล�
าบากตอนเป็
นเด็
ก 
เลี
ยงยาก ไม่
ได้
อยู
ถิ
นที
เกิ
ด หรื
อไม่
ก็
จะเจ็
บป่
วยตอน
อายุ
 ๕๓ ปี
 มิ
ฉะนั
นไฟก็
จะไหม้
บ้
านได้
 ดั
งนั
นคนเกิ
ด 
ปี
นี้
จะต้
องประพฤติ
ตนให้
เป็
นคนใจบุ
ญจึ
งจะได้
ดี
สิ
งที
น่
าสนใจต่
อมาคื
อให้
ชายชาวล้
านนาที
เกิ
ดปี
สี
เมื
อต้
องเดิ
นทางไปค้
าขาย พกตั
วตุ
มน�
าหนั
กที
เรี
ยก
ว่
า “ตั
วเป้
ง” รู
ปนาคไว้
ในถุ
งย่
าม ซึ
งมี
ลั
กษณะเฉพาะ
ตามปี
เกิ
ด คื
อตั
ดเย็
บด้
วยผ้
าด้
านในสี
แดง ด้
านนอกสี
ด�
า 
ซึ
งเป็
นสี
ที
ให้
คุ
ณแก่
ผู
ที
เกิ
ดปี
นี
  วั
ฒนธรรมการพกพาตั
เป้
งและย่
ามลั
กษณะนี
 พบแพร่
หลายในกลุ
มชาติ
พั
นธุ
ที
ติ
ดต่
อค้
าขายด้
วยวั
วต่
างม้
าต่
าง เช่
น กลุ
มไทลื
อ ไทใหญ่
ไทเขิ
น ในเขตรั
ฐฉาน ประเทศพม่
า เลยไปจนถึ
งเขต 
สิ
บสองปั
นนา ในประเทศจี
นและในประเทศลาว
ส�
าหรั
บชาวไทยเขิ
นที
อาศั
ยในลุ
มน�้
าขึ
นนั
น มี
ความ
เชื
อตามแบบไทเขิ
นว่
าผู
ที
เกิ
ดปี
สี
หรื
อปี
นาคนี
 ชาติ
ก่
อน
เกิ
ดเป็
นพญาครุ
ฑ และเคยเกิ
ดเป็
นหงส์
มาแล้
วสี
ชาติ
ต่
อมาเกิ
ดเป็
นลู
กช่
างปั
นหม้
อในเมื
องโกสั
มพี
 และได้
เป็
พระยาเจ้
าเมื
อง แล้
วเกิ
ดมาใหม่
ในชาติ
นี
 จึ
งเป็
นผู
ที
มี
บุ
ญบารมี
มาก หากปรารถนาเป็
นพระพุ
ทธเจ้
าก็
จั
กได้
เพี
ยงแต่
ขอให้
มี
ศี
ลที
มั
นคง ซึ
งความเชื
อนี
น�
ามาสู
การ
ทอ “ตุ
ง” ผ้
า แขวนไว้
ในวิ
หารของชาวไทเขิ
น ที
มี
การน�
รู
ปพญาครุ
ฑ หงส์
 ใส่
ไว้
ในตั
วตุ
ง เพื
ออุ
ทิ
ศให้
แก่
ญาติ
พี
น้
องที
เกิ
ดในปี
นั
น ๆ หรื
อถวายทานให้
แก่
ตนเองเพื
ภายภาคหน้
จากการศึ
กษาก�
าเนิ
ดเรื
องนาคของอาจารย์
สุ
จิ
ตต์
วงษ์
เทศ กล่
าวว่
าเมื
อราว ๒,๐๐๐-๓,๐๐๐ ปี
ที
ผ่
านมา 
ชนพื
นเมื
องอุ
ษาคเนย์
ต่
างมี
ลั
ทธิ
การบู
ชางู
เป็
นสั
ตว์
ศั
กดิ
สิ
ทธิ
 ต่
อมาเมื
อมี
การติ
ดต่
อกั
บผู
ที
มี
อารยธรรมสู
กว่
า โดยเฉพาะอย่
างยิ
งคื
อชาวอิ
นเดี
ย ชนพื
นเมื
องแถบ
นี
ก็
รั
บเอาค�
าว่
า “นาค” จากภาษาอิ
นเดี
ย มาใช้
เรี
ยกงู
ศั
กดิ์
สิ
ทธิ์
ของตนให้
ดู
ขลั
งและมี
พลั
งมากขึ้
น  
เดิ
มนั
นนาคหรื
องู
ศั
กดิ
สิ
ทธิ
จะอยู
เพี
ยงใต้
ดิ
น เรี
ยกว่
า 
“บาดาล” หรื
อ “นาคพิ
ภพ” แต่
หลั
งจากมี
การติ
ดต่
อ 
และรั
บแบบแผนจากอิ
นเดี
ยแล้
ว ก็
มี
นาคชุ
ดที
อยู
บนฟ้
า 
เข้
ามา ในบรรดาชุ
มชนบ้
านเมื
องทั
วภู
มิ
ภาคอุ
ษาคเนย์
โดยเฉพาะอย่
างยิ
งบริ
เวณสองฝั
งแม่
น�
าโขง ตั
งแต่
ตอนใต้
มณฑลยู
นนานของจี
นลงมาจนถึ
งปากแม่
น�
าโขง ล้
วน
เลื
อมใสลั
ทธิ
บู
ชานาค ด้
วยมี
ความเชื
อว่
านาคเป็
นผู
บั
นดาลให้
เกิ
ดธรรมชาติ
 เกิ
ดความมั
งคั
งและมั
นคง ใน
ขณะเดี
ยวกั
นก็
บั
นดาลให้
เกิ
ดภั
ยพิ
บั
ติ
ถึ
งขั
นบ้
านเมื
อง 
ล่
มสลาย และยั
งยกย่
องนั
บถื
อนาคเป็
นบรรพบุ
รุ
ษของตน 
ด้
วยเหตุ
นี
ผู
คนในภู
มิ
ภาคนี
จึ
งมี
ค�
าบอกเล่
าในลั
กษณะ
ของนิ
ทานปรั
มปราเกี่
ยวกั
บนาคมากมาย 
ผลงานทางศิ
ลปกรรมในภาคพื้
นเอเชี
ยอาคเนย์
สร้
างขึ้
นโดยได้
รั
บแรงบั
นดาลใจจากเรื่
องราว
ในศาสนาและความเชื่
อที่
เกี่
ยวโยงกั
บธรรมชาติ
และสร้
างความเชื่
อมั่
นเรื่
องความอุ
ดมสมบู
รณ์
ผู้
คนจึ
งมั
กสร้
างงานศิ
ลปกรรมที่
ได้
แรงบั
นดาลใจจากเรื่
องราวที่
มี
อยู่
ในคั
มภี
ร์
ต่
าง ๆ 
โดยสอดแทรกเรื่
องราวทางศาสนา ความคิ
ด คติ
ความเชื่
อ ไปบนงานศิ
ลปกรรม หรื
อลวดลายที่
ใช้
ประดั
บตกแต่
งนั
นเอง  บ่
อยครั
งลวดลายเหล่
านั
นจะประดิ
ษฐ์
ขึ
นมาจากจิ
นตนาการอั
นไร้
ขอบเขต 
ทั้
งนี้
เพราะ “มนุ
ษย์
เป็
นพวกที่
มี
พลั
งในการค้
นพบและสร้
างสรรค์
” อย่
างไม่
มี
ขี
ดจ�
ากั
ดนั่
นเอง
คั
นทวยท�
าเป็
นรู
ปตั
วนาค
วั
ดกก บางขุ
นเที
ยน
กรุ
งเทพฯ
ช่
อฟ้
า หางหงส์
บนหลั
งคาวั
ดวาอาราม
ก็
ล้
วนท�
าเป็
นรู
ปเศี
ยรนาค
ในภาพ อุ
โบสถ 
วั
ดหน้
าพระเมรุ
พระนครศรี
อยุ
ธยา
นาคราวบั
นได
วั
ดบวกครกหลวง 
เชี
ยงใหม่
นาคราวบั
นได
วั
ดพระสิ
งห์
 เชี
ยงใหม่
1...,90,91,92,93,94,95,96,97,98,99 101,102,103,104,105,106,107,108,109,110,...124