นิตยสารวัฒนธรรม ฉบับ ๔ ปีพ.ศ.๒๕๕๗ - page 8

8
ส�
ำหรั
บในประเทศไทยได้
มี
การค้
นพบหลั
กฐาน
ทางโบราณคดี
ที่
เกี่
ยวข้
องกั
บข้
าวในเรื่
องต่
างๆ หลายพื้
นที่
อาทิ
เช่
น แหล่
งโบราณคดี
บ้
านเชี
ยง อ�
ำเภอหนองหาน จั
งหวั
อุ
ดรธานี
และที่
โนนนกทา อ�
ำเภอภู
เวี
ยง จั
งหวั
ดขอนแก่
พบแกลบข้
าวที่
เป็
นส่
วนผสมของเครื่
องใช้
โบราณอายุ
กว่
๕,๐๐๐ ปี
นอกจากนี้
ยั
งพบภาพเขี
ยนผนั
งผาหมอนน้
อย
อ�
ำเภอโขงเจี
ยม จั
งหวั
ดอุ
บลราชธานี
เป็
นภาพลั
กษณะคล้
าย
บั
นทึ
กการเพาะปลู
กธั
ญพื
ชลั
กษณะคล้
ายข้
าว มี
ภาพควาย
แปลงพื
ช อายุ
ราว ๖,๐๐๐ ปี
ซึ่
งหลั
กฐานทางโบราณคดี
ต่
างๆ
เหล่
านี้
ได้
สะท้
อนให้
เห็
นว่
าผู
คนดั้
งเดิ
มในอาณาบริ
เวณนี้
รู
จั
ปลู
กข้
าวมาเป็
นเวลายาวนานแล้
นั
กวิ
ชาการไทยร่
วมกั
บนั
กวิ
ทยาศาสตร์
ชาวญี่
ปุ
ศึ
กษาเรื่
องข้
าวไทยจากร่
องรอยแกลบบนแผ่
นอิ
ฐโบราณ
จากโบราณสถานจ�
ำนวน ๑๐๘ แห่
งใน ๓๙ จั
งหวั
ทั่
วทุ
กภาคของประเทศไทย ผลการศึ
กษาสั
นนิ
ษฐาน
ว่
าบริ
เวณอั
นเป็
นที่
ตั้
งของประเทศไทยในปั
จจุ
บั
นได้
มี
การปลู
กข้
าวมาตั้
งแต่
พุ
ทธศตวรรษที่
๖ โดยเริ่
มต้
นจาก
การปลู
กข้
าวเหนี
ยวนาสวนเมล็
ดป้
อม และข้
าวเหนี
ยว
ไร่
เมล็
ดใหญ่
ช่
วงพ.ศ. ๕๔๐-๕๗๐ ในเขตพื้
นที่
อี
สานตอนล่
าง
ได้
พบการปลู
กข้
าวเหนี
ยวเมล็
ดป้
อม และเริ่
มพบการปลู
ข้
าวเจ้
าในช่
วงพุ
ทธศตวรรษที่
๑๓-๑๘ ในสมั
ยศรี
วิ
ชั
โดยสั
นนิ
ษฐานว่
าได้
รั
บอิ
ทธิ
พลมาจากวั
ฒนธรรมขอม
เนื่
องจากข้
าวเจ้
าเป็
นข้
าวของชนชั้
นปกครอง จวบจนกระทั่
ย่
างเข้
าสู
สมั
ยสุ
โขทั
ยซึ่
งพบว่
า ยั
งคงมี
การปลู
กข้
าวเหนี
ยวและ
เริ่
มมี
การปลู
กข้
าวเจ้
าเพิ่
มมากขึ้
ในขณะเดี
ยวกั
นนั้
นพระมหากษั
ตริ
ย ์
ก็
ทรง
ท�
ำนุ
บ�
ำรุ
งการกสิ
กรรม มี
การแบ่
งสวนไร่
นาโดยยกให้
เป็
หนึ่
งในศั
กดิ
นา กระทั่
งเข้
าสู
สมั
ยกรุ
งศรี
อยุ
ธยาได้
มี
การตั้
“กรมนา” ขึ้
นในระบบการปกครองแบบจตุ
สดมภ์
เมื่
อเข้
สู
สมั
ยรั
ตนโกสิ
นทร์
ตอนต้
นมี
การเก็
บอากรข้
าว และข้
าว
ได้
กลายเป็
นสิ
นค้
าส�
ำคั
ญในด้
านการค้
าระหว่
างประเทศใน
สมั
ยรั
ตนโกสิ
นทร์
ตอนต้
นจวบจนถึ
งปั
จจุ
บั
I,II,1,2,3,4,5,6,7 9,10,11,12,13,14,15,16,17,18,...122
Powered by FlippingBook