นิตยสารวัฒนธรรม ฉบับ ๓ ปีพ.ศ.๒๕๕๗ - page 49

49
กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๗
ส่วนอี กต�ำนานหนึ่งที่มีความเป็ นไปได้มากกว่ า
ได้ ถูกบั นทึ กไว้ในหนังสื อไทใหญ่เขี ยนโดย เจ้ าหน่ อค�ำ
นักอักษรศาสตร์ชื่อดังของชาวไทใหญ่ คือเรื่องอะหน่าก้าตะหว่าง
ที่ เล่าเรื่ องราวครั้ งพุ ทธกาลซึ่งน่ าจะเป็ นนิ ทานชาดก
ในพุทธศาสนา ว่าด้วยเรื่ องของพระเจ้าพิมพิสารผู้ปกครอง
กรุงราชคฤห์ ที่พระองค์ได้สร้ างวิหารถวายแด่พระพุทธเจ้ า
และปวารณาตั วเป็ นทายกของพระพุทธเจ้ าตลอดชี วิ ต
พระเจ้าพิมพิสารมีโอรสนามว่าอชาตศัตรูหรืออ่ าจ่าตะซาดมังจี
ในภาษาไทใหญ่ ซึ่ งได้สมคบคิดกั บพระเทวทัตด้วยเพราะ
หลงค�ำป้อยอว่าพระองค์มีบุคลิกฉลาดปราดเปรื่อง สมควร
จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ในเร็ ววัน จึงยุแหย่ให้พระเจ้ าอชาตศัตรู
ฆ่าพระบิ ดาของตัวเองเสี ยจะได้ ขึ้ นครองราชย์โดยเร็ ว
ด้วยการยุแหย่ของพระเทวทัตนี้ เองท�ำให้พระเจ้าอชาตศัตรู
จองจ�ำพระบิดาของตัวเองไม่ให้เสวยอาหารเป็นเวลา ๗ วัน
เพื่อให้พระเจ้ าพิมพิสารสิ้นพระชนม์ไปเอง และพระเทวทั ต
ก็จะไปสังหารพระพุทธเจ้าด้วยการงัดหิ นก้อนใหญ่ให้กลิ้ ง
ลงมาทับ เพื่อพระเทวทัตจะได้เป็นพระพุทธเจ้าและพระเจ้า
อชาตศัตรูจะได้เป็ นกษัตริ ย์และปกครองบ้านเมื องร่วมกัน
ต่อไป ๗ วันผ่านไปพระเจ้าพิมพิ สารยังไม่ สิ้ นพระชนม์
เพราะพระมเหสีได้แอบน�ำอาหารเข้าไปถวาย พระเจ้าอชาตศัตรู
ยังไม่ หยุ ดการกระท�ำของตั วต่อพระบิดาโดยสั่งให้ ทหาร
เฉือนเนื้อพระบาทแล้วเอาเกลือทา วันหนึ่งพระเจ้าอชาตศัตรู
ได้พาโอรสของตัวเองไปเยี่ ยมพระมารดาและตรั สว่ า
พระองค์นั้นรักโอรสของตัวเองยิ่งนักและแสดงความสงสัย
ว่าพระเจ้าพิมพิสารบิดาของตัวนั้นจะรักลูกเท่าที่พระองค์รัก
หรือไม่ พระมารดาของพระเจ้ าอชาตศั ตรูได้ ฟั งดังนั้น
จึงตอบกลับมาว่า เจ้ารักลูกเจ้านั้นไม่ เป็นความจริง เพราะ
สิ่งของต่างๆ ที่ปรนเปรอลูกของเจ้าอยู่นั้นเจ้ามิได้เป็นคนหา
มาเอง แต่ล้วนเป็ นของที่พระบิ ดาของเจ้าหาไว้ให้เจ้าทั้งสิ้น
พระเจ้าอชาตศัตรู ได้ ฟังดั งนั้นก็ ส�ำนึกผิ ดรีบไปหาพระบิดา
ของตัวแต่ไม่ทันการณ์ พระเจ้าพิ มพิสารได้สิ้นพระชนม์แล้ว
พระองค์รู ้ สึ กเสี ยพระทั ยและได้เล่ าเรื่องทั้ งหมดให้
พระพุทธเจ้าฟัง พระพุทธองค์จึงตรัสว่า เพราะคบคนผิดจึงได้
ท�ำผิ ดบาปมหันต์เช่นนี้ แต่เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบาจึงให้น�ำ
โอรสมาถวายเป็นทานในพระพุทธศาสนา
อชิตกุมารหรือจิตตะมังซาขณะนั้นมีอายุ ๑๐ชันษา
ยินดีในการบวชครั้ งนี้ ของตน ท�ำให้พระเจ้ าอชาตศัตรู
เกิดปิติในบุญกุศลครั้งนี้ จึงจัดให้มีการเฉลิมฉลอง ๗ วัน๗ คืน
โดยให้อชิตกุมาร แต่งองค์เต็ มยศให้สมกับเป็นโอรสของ
พระองค์ และชักชวนพระสหายพร้อมด้วยอ� ำมาตย์ให้พา
บุตรหลานเข้ าบวชร่วมกันซึ่งมี จ�ำนวนถึง ๕๐๐ คน ก่ อนบวช
ได้จัดงานใหญ่โต ๗ วัน ๗ คืน โดยให้อาบน�้ำขมิ้นส้มป่อย
น�้ำอบน�้ำหอมที่แช่ด้วยเพชร พลอย ทองค�ำและเงิน พร้อม
แต่งองค์ ทรงเครื่องประดั บสวยงาม แล้วพาแห่รอบเมือง
ด้วยการขี่ช้าง ขี่ม้าหลังครบ๗วันจึงพาไปรับศีลจากพระพุทธเจ้า
และพระสงฆ์ ด้ วยเหตุนี้จึงท�ำให้ชาวไทใหญ่ยึดถื อน�ำมาจัด
ปอยส่างลองกระทั่งปัจจุบัน