๓๐
ก
อนลงมื
อทํ
าขั
นลงหิ
นนั
้
น ช
างขั
นลงหิ
น
บ
านบุ
จะต
องทํ
าพิ
ธี
ไหว
ครู
เสี
ยก
อน เป
นการไหว
ครู
ช
างหรื
อพระเพชรฉลู
กั
ณฑ
จั
ดพิ
ธี
ทั
้
งแบบพุ
ทธ
และพราหมณ
กํ
าหนดวั
นพฤหั
สบดี
ในข
างขึ
้
น
เดื
อน ๙ เป
นวั
นไหว
ครู
ทํ
าป
ละ ๑ ครั้
งเท
านั้
น
ถื
อเป
นธรรมเนี
ยมปฏิ
บั
ติ
ที
่
สํ
าคั
ญ เริ
่
มจากการตั
้
ง
เครื่
องเซ
นไหว
มี
ทั้
งอาหารคาวหวานและผลไม
ต
างๆ
และทํ
าบุ
ญเลี้
ยงพระเพล ๙ รู
ป ช
างขั
นลงหิ
นจะหยุ
ด
งานในวั
นพระใหญ
และวั
นสํ
าคั
ญทางศาสนา และก
อนลงมื
อ
ทํ
างานแต
ละวั
น ช
างขั
นลงหิ
นจะไหว
เครื
่
องมื
อ เตาตี
และภมร
(เครื่
องกลึ
ง) และมี
กฎว
าห
ามเหยี
ยบหรื
อข
ามเครื
่
องมื
อเหล
านี
้
ด
วย
ขั
้
นตอนการทํ
าขั
นลงหิ
นมี
๖ ขั
้
นตอน ได
แก
คื
อ
การหลอม แผ
และตี
เริ่
มจากการนํ
าส
วนผสม
โลหะ ๓ ชนิ
ด ใส
ในเบ
าหลอมรู
ปถ
วยที่
ทํ
าจากดิ
นผสมแกลบ
หลอมให
เป
นเนื้
อเดี
ยวกั
น แล
วเทออกเป
นแผ
นกลมในเบ
า
ที่
มี
น้ํ
าหล
ออยู
จนเป
นแผ
นทอง จากนั้
น ช
างนํ
าแผ
นทองมา
ซ
อนกั
นครั้
งละ ๔ - ๕ แผ
น ใช
คี
มคี
บให
แน
น จากนั้
นจึ
งค
อยๆ
ตี
จากบริ
เวณตอนกลางของแผ
นทองไล
ออกไปยั
งขอบ โดย
ต
องเผาไฟสลั
บกั
บการตี
ไปเรื่
อยๆ และต
องระวั
งไม
ตี
ในขณะ
ที
่
แผ
นทองยั
งร
อนแดง หรื
อเย็
นจนเปลี
่
ยนเป
นสี
ดํ
า เพราะจะทํ
าให
แผ
นทองแตกเสี
ยหาย เรี
ยกว
า แตกแดง และ แตกดํ
า เวลาตี
ช
างและลู
กมื
อจะตี
สลั
บกั
นเป
นจั
งหวะ พยายามให
รอยค
อน
แต
ละครั้
งที่
ตี
ซ้ํ
ารอยเดิ
มครึ่
งรอย เรี
ยกว
า “การตี
แบบเกี่
ยวห
วง”
โดยระหว
างตี
ช
างต
องค
อยๆ หมุ
นแผ
นทองเป
นวงกลม ปกติ
เมื่
อตี
ครบรอบแผ
นทองก็
จะเย็
นหรื
อเปลี่
ยนเป
นสี
ดํ
า ต
องนํ
า
เข
าเผาไฟใหม
อี
กครั้
งจนขึ้
นเป
นรู
ปขั
น
คื
อ
การลาย
เป
นการตกแต
งพื้
นผิ
วให
ตึ
งเรี
ยบจากการตี
ขึ้
นรู
ปขั
น และทํ
าให
เกิ
ดลายรอย
บุ
เล็
กๆ บนผิ
วขั
น มี
ลั
กษณะแบบเมล็
ดข
าวเม
า คื
อ
เป
นทรงรี
คล
ายเมล็
ดข
าว
ขั้
นตอนที่
๑
ขั้
นตอนที่
๒
1...,22,23,24,25,26,27,28,29,30,31
33,34,35,36,37,38,39,40,41,42,...124