๒๙
มกราคม-มี
นาคม ๒๕๕๖
คํ
าว
า
“บุ
”
หมายถึ
ง การตี
โลหะสํ
าริ
ดแผ
ขึ้
นเป
นรู
ป
ภาชนะ แล
วใช
หิ
นก
อนขั
ดภาชนะจนขึ
้
นเงา เรี
ยกว
า
“เครื
่
องทอง
ลงหิ
น”
ในสมั
ยก
อนโลหะที่
นํ
ามาหลอมเป
นทองที่
นํ
ามาจาก
เมื
องจี
น เรี
ยกว
า ทองม
าล
อ หากแต
ป
จจุ
บั
นใช
ทองแดง ๗ ส
วน
ผสมดี
บุ
ก ๒ ส
วน และเศษสํ
าริ
ด ๑ ส
วน มั
กนิ
ยมทํ
าเป
นขั
นน้ํ
า
จึ
งเรี
ยกว
า
“ขั
นลงหิ
น”
เป
นที่
น
าแปลกใจว
า ถ
าตั
กน้ํ
าทิ้
งไว
ใน
ขั
นลงหิ
นนี
้
น้
ํ
าจะเย็
นชื
่
นฉ่
ํ
าเสมอ แสดงถึ
งภู
มิ
ป
ญญาอั
นชาญฉลาด
ของช
างฝ
มื
อไทยสมั
ยโบราณ
ในอดี
ตการทํ
าขั
นลงหิ
นนิ
ยมทํ
ากั
นแพร
หลายใน
ครั
วเรื
อนตามบรรพบุ
รุ
ษ หากเป
นเจ
าของกิ
จการเรี
ยกว
า “กงสี
”
หั
วหน
ากงสี
มั
กจะเป
นผู
ใหญ
ในบ
านที่
เป
นผู
หญิ
ง สถานที่
ทํ
าขั
น
ลงหิ
นเป
นโรงหลั
งคาสู
ง มี
เตาสู
บ ๑ - ๓ เตา ใช
คนชั
กสู
บให
ไฟ
ลุ
กโพลงแรงสม่
ํ
าเสมอ ซึ
่
งเสี
่
ยงต
อไฟไหม
หากแต
ไม
เคยปรากฏว
า
ไฟไหม
เลย ดั
งพระบาทสมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล
าเจ
าอยู
ได
เสด็
จประพาสต
น ณ บ
านบุ
และทรงตรั
สว
า
“พวกนี้
ดี
อยู
กั
บไฟ
แต
ไม
มี
ไฟไหม
”
1...,21,22,23,24,25,26,27,28,29,30
32,33,34,35,36,37,38,39,40,41,...124