นิตยสารวัฒนธรรม ฉบับ ๓ ปีพ.ศ.๒๕๕๗ - page 76

76
ชีวประวัติ เจ้าเครือแก้ว ณ เชียงใหม่
ชาวล้านนาผูกพันอยู่กั บเสียงเพลงตั้งแต่ วัยเด็ ก
กระทั่ งวัยชรา ด้ วยลักษณะของเพลงพื้นบ้านที่ มีเนื้อร้อง
เป็นมุขปาฐะ มี การจดจ�ำส่งต่อกั นจากรุ่ นสู่รุ่น โดยเพลง
พื้ นบ้านภาคเหนือซึ่งเป็นที่รู้ จักกั นและมีการร้องเล่นกันอยู่
จะมี ๓ ประเภท คือ
๑. เพลงส�ำหรับเด็ก เช่น เพลงกล่อมเด็ก และ
เพลงร้ องเล่น
๒. จ๊ อย เป็นเพลงพื้ นบ้านเกิดจากประเพณี
การพบปะพู ดคุยเกี้ยวพาราสีในตอนกลางคืน ที่ชาวเหนือ
เรียกว่า “แอ่วสาว” นั่นเอง
๓. ซอ เป็นเพลงพื้ นบ้านภาคเหนือที่ชายหญิง
ขับร้องโต้ตอบกัน
บทเพลงต่างๆ ที่ได้กล่าวข้ างต้นเจ้ าเครื อแก้ว
ต่างได้ เรียนรู ้ตั้ งแต่เด็ก เมื่ อย้อนกลั บไปเมื่อครั้งวั ยเยาว์
เจ้าเครือแก้วเกิดเมื่อวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ในสมัย
รัชกาลที่ ๖ ที่ต�ำบลพระสิงห์ อ�ำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
เป็นบุตรี ของ “เจ้ามรกตและเจ้าเกี๋ยงค�ำ ณ เชียงใหม่” ท่านปู่
มีนามว่า “เจ้าดวงทิพย์ ณ เชียงใหม่” ท่านย่าคือ “เจ้าแสนค�ำ
ณ ล�ำพู น” ท่านตาและท่ านยายคือ “เจ้ าดวงทิพย์ และ
เจ้าแว่นฟ้า ณ เชียงใหม่” เจ้าเครือแก้วมีเจ้าพี่เจ้าน้องรวม
๘ คน มี ผู้ช� ำนาญเชิงดนตรี อย่าง “เจ้ าพรรณค�ำ สุ ขุม”
“เจ้าในทิ พย์ นาคนิกร” ซึ่งตีขิมเก่งทั้งสองคน และอีกคนหนึ่ ง
คือ “เจ้าดวงไทย ณ เชียงใหม่” ที่เชี่ยวชาญด้านการขับร้อง
เจ้ าเครื อแก้ วได้ ถวายตั วเป็ นข้ าหลวงของ
พระราชชายา เจ้าดารารัศมี เมื่ออายุ ๗ ปีและเข้าไปอยู่ใน
วังหลวง กรุงเทพมหานคร ท� ำให้ได้ เรียนรู้นาฏศิลป์พื้นเมือง
ล้านนามากมายที่นั่น เมื่อพระราชชายาฯ กราบถวายบังคมลา
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รั ชกาลที่ ๖ กลับไป
ประทับอยู ่ที่ เชี ยงใหม่ ก็ ได้ ตามเสด็ จกลับไปศึกษาต่ อ
ณ โรงเรียนคิ ดประดิ ษฐ์ จนจบชั้ นมัธยมศึ กษาปีที่ ๓
(มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในปัจจุบัน)