นิตยสารวัฒนธรรม ฉบับ ๓ ปีพ.ศ.๒๕๕๗ - page 85

85
กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๗
ในฐานะของครูซึ่งป็นผู้ที่รู้จักขวนขวายหาความรู้
อยู่เสมอ และรู ้ จักน�ำสิ่ งที่ มีมาประยุกต์ ใช้เพื่ อให้ เกิ ด
ประโยชน์อย่างสูงสุด สิ่งส�ำคัญเหนืออื่นใดนั่นก็คือ หัวใจที่
เต็มเปี่ยมด้วยการให้ เหล่านี้ ล้วนมี อยู่ ในตัวของ “แม่ ครู
บัวเรี ยว รัตนมณีภรณ์” ครูผู้ ให้และส่งต่อการฟ้อนสาวไหม
ให้คงอยู่คู่แผ่นดินล้านนาสืบไป
องค์ความรู้สู่รุ่นต่อไป
ปัจจุบันแม่ครูบัวเรียวได้แบ่งพื้นที่บริเวณบ้านของ
ตนเองเป็นสถานที่ส� ำหรับการเรียนรู้ โดยจะเป็นวิ ทยากร
ให้กั บสถาบันการศึ กษาทั่วประเทศที่เดินทางมาศึกษาท่า
ฟ้อนร� ำ ด้วยผลงานที่ผ่านมาท�ำให้แม่ ครูบัวเรียวเป็นที่รู้จัก
และได้รับการยกย่องยอมรับจากบุคคลทั่วไป เห็นได้จาก
ประกาศเกียรติคุณที่แม่ครูบัวเรียวได้รับจากสถาบันการศึกษา
ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
แต่ที่เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของความเป็น
ครูผู้ให้นั้น คือ การได้รับคัดเลื อกให้เข้ารับพระราชทานรางวัล
พระสิทธิธาดาทองค� ำ ตามโครงการพระราชทานรางวัล
พระสิทธิธาดาทองค� ำปี พ.ศ. ๒๕๔๙ จากสมเด็จพระเทพ-
รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สาขาศิลปะการแสดง
พื้ นบ้าน มหาวิทยาลั ยธุรกิจบัณฑิตย์ รวมถึงการได้รั บโล่
เกียรติ คุณผู้บ�ำเพ็ญประโยชน์ต่ อกระทรวงวัฒนธรรม สาขา
ศิลปะ อีกทั้งในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ แม่ครูยังได้รับการยกย่ องให้
เป็นครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๗ ส�ำนักงานเลขาธิการสภาการ
ศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
แสดงให้เห็นว่า นอกเหนือจากการทุ่มเทแรงกาย
แรงใจในการสอนลูกศิษย์ แม่ ครูยังมี หัวใจแห่งการสืบทอด
เจตนารมณ์ในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นแรงผลักดัน
ให้แม่ครูบัวเรียวท� ำหน้าที่ของครู ผู้ให้อย่างต่อเนื่อง
การฟ้อนสาวไหม ๑๓ ท่ า
การฟ้อนสำ�หรับผู้สูงอายุ โดยได้คิ ดค้นท่ารำ�
เพื่อให้เหมาะสมกับวัย
การนำ�องค์ความรู้จากบิดาและพ่อครูโมมา
ประดิษฐ์ท่าฟ้อนแม่หญิงล้านนา และรำ�วงพื้ นบ้าน
การจดลิขสิทธิ์ท่ารำ� และประวัติความเป็นมาของ
การฟ้อนสาวไหม ต่อกรมการทรัพย์สินทางปัญญา
เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๒
แม่ครู บัวเรียวมีองค์ความรู้มากมายที่ พร้อมจะ
ถ่ายทอดให้ลูกศิษย์และผู้สนใจ เช่น