ความเป็
นมาของไททรงด�
ำ
เอกลั
กษณ์
การแต่
งกายของไททรงด�
ำ
ณ ที่
แห่
งนี้
จะทำ
�ให้
เราได้
เรี
ยนรู
้
และทำ
�ความเข้
าใจ
ในวิ
ถี
พอเพี
ยง และความเป็
นไททรงดำ
�มากขึ
้
น ซึ
่
งไททรงดำ
�นั
้
น
ถื
อเป็
นกลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ที
่
มี
ถิ่
นฐานเดิ
มอยู่
ในแคว้
นสิ
บสองจุ
ไท
อั
นมี
ที่
ตั้
งอยู่
ในแถบแม่
น้
ำ
�ดำ
�และแม่
น้
ำ
�แดง ปั
จจุ
บั
นอยู่
ใน
เขตเวี
ยดนามเหนื
อตอนเชื่
อมต่
อกั
บลาวและจี
นตอนใต้
ชาวไททรงดำ
�เป็
นกลุ่
มชาติ
พั
นธุ์
ดั้
งเดิ
มชนชาติ
หนึ่
งที่
เรี
ยก
ตั
วเองว่
า “ผู
้
ไท” โดยแบ่
งออกตามลั
กษณะของสี
เครื
่
องแต่
งกาย
เช่
น ผู้
ไทขาว, ผู้
ไทแดง และ ผู้
ไทดำ
� เป็
นต้
น ซึ่
งแน่
นอนว่
า
“ผู้
ไทดำ
�” นิ
ยมแต่
งกายด้
วยสี
ดำ
�จึ
ง เรี
ยกว่
า “ไททรงดำ
�” หรื
อ
เรี
ยกได้
หลายชื
่
อเช่
น โซ่
ง, ซ่
ง, ไทโซ่
ง, ไทซ่
ง, ลาวโซ่
ง, ลาวซ่
ง,
ลาวทรงดำ
�และลาวพุ
งดำ
� เป็
นต้
น
ปั
จจุ
บั
นนี้
เราจะพบเห็
นกลุ่
มคนไททรงดำ
�มากที่
จั
งหวั
ดเพชรบุ
รี
ราชบุ
รี
นครปฐม สิ
งห์
บุ
รี
เลย พิ
จิ
ตร
และพิ
ษณุ
โลก ส่
วนจั
งหวั
ดอื่
นๆ นั้
นก็
มี
ประปราย ได้
แก่
สุ
โขทั
ย กาญจนบุ
รี
สระบุ
รี
ลพบุ
รี
และชุ
มพร นั่
นก็
เป็
น
เพราะการอพยพย้
ายถิ่
นฐานของคนไททรงดำ
� จึ
งทำ
�ให้
มี
ชาวไททรงดำ
�กระจั
ดกระจายอยู่
หลายจั
งหวั
ด
แม้
ในปั
จจุ
บั
นผู้
คนอาจจะลดน้
อยถอยลงที่
จะ
แต่
งกายแบบเต็
มยศในชุ
ดของชาวไทดำ
� แต่
ก็
จะมี
ผู
้
เฒ่
าผู
้
แก่
ที่
ยั
งคงเอกลั
กษณ์
เหล่
านั
้
นไว้
ให้
เราได้
เห็
นในบ้
านสะแกราย
แห่
งนี้
สำ
�หรั
บการแต่
งกายของไทดำ
�นั้
น ผู้
ชายจะสวม
กางเกงขาสั้
นปลายแคบเรี
ยวยาว ปิ
ดเข่
า นุ่
งขมวดปมที่
เอว
เรี
ยกว่
า “ส้
วงขาเต้
น” หรื
อ “ส้
วงก้
อม”แปลว่
า กางเกงขาสั้
น
ตั
วเสื้
อ เรี
ยกว่
า “เสื้
อซอน” เป็
นเสื้
อแขนยาวทรงกระบอก
ปลายแขนปล่
อยกว้
างขนาดข้
อมื
อของผู้
ใส่
ผ่
าหน้
าตลอด ติ
ด
กระดุ
มเงิ
นยอดแหลมมี
ลวดลายเรี
ยงกั
นถี
่
ประมาณ๑๐ – ๑๙ เม็
ด
ตั
วสั
้
นแค่
เอว ตั
วเสื
้
อเย็
บเข้
ารู
ปทรงกระสอบหน้
าอกผายเล็
กน้
อย
คอตั้
ง ตั
วเสื้
อด้
านข้
างตอนปลายผ่
าทั้
ง ๒ ข้
าง แล้
วใช้
เศษผ้
า
๒ – ๓ ชิ้
นตั
ดขนาดรอยผ่
าเย็
บติ
ดกั
บรอยผ่
า
ส่
วนผู้
หญิ
งนั้
น ก่
อนนุ่
งผ้
าซิ่
นพื้
นดำ
� จะต้
อง
ประกอบด้
วยผ้
า ๓ ชิ
้
น ชิ
้
นที
่
๑ เป็
นต้
นซิ
่
นส่
วนตรงเอว มี
สี
ดำ
�
ไม่
มี
ลาย กว้
างประมาณ ๑๒ นิ้
วฟุ
ตเศษ ผ้
าชิ้
นนี้
จะเย็
บติ
ด
กั
บผ้
าชิ้
นที่
๒ ที่
เป็
นตั
วผื
นซิ่
นสี
ดำ
�สลั
บลายทางสี
ขาวเหมื
อน
ลายเปลื
อกแตงโม ที
่
มี
ริ
้
วเป็
นลายสี
ขาวหรื
อ เขี
ยวอ่
อน ส่
วนที
่
๓
บรรพบุ
รุ
ษไททรงดำ
�แล้
ว “เที
ยนอบขนม” ของที่
นี่
ก็
มี
การปรั
บปรุ
งส่
วนประกอบให้
สามารถใช้
อบเมล็
ดกาแฟคั่
วบด
ซึ่
งส่
งผลให้
รสชาติ
การแฟอบเที
ยนมี
ความนุ่
มนวลยิ่
งขึ้
น
ถ้
าไม่
เชื่
อก็
ต้
องลองสู
ดกลิ่
นและลิ้
มลองดู
ด้
วยตั
วเอง
และแน่
นอนว่
า เราจะต้
องทำ
�เองกั
บมื
อด้
วย
นอกจากนั้
นยั
งมี
อาหารการกิ
นที่
เป็
นเอกลั
กษณ์
อี
กอย่
างของไททรงดำ
� นั
่
นก็
คื
อ “น้
ำ
�พริ
กมะแข่
น” ซึ
่
งวิ
ธี
การทำ
�
ก็
คื
อ เลื
อกเอาแต่
เปลื
อกมะแข่
น แล้
วก็
คั่
วพริ
ก คั่
วหอม
คั่
วกระเที
ยม นำ
�มาโขกรวมกั
น ใส่
น้
ำ
�ตาลนิ
ดนึ
ง ปรุ
งรสหน่
อย
ตามที่
เราชอบ โดยเน้
นที่
มะแข่
นต้
องตำ
�ให้
แหลกก่
อน
เมื่
อแหลกแล้
วถึ
งจะได้
กลิ่
นหอมของมะแข่
น ซึ่
งมะแข่
นนั้
น
ก็
มี
สรรพคุ
ณในการทำ
�ให้
เลื
อดลมไหลเวี
ยนดี
ยิ่
งขึ้
น
1...,87,88,89,90,91,92,93,94,95,96
98,99,100,101,102,103,104,105,106,107,...124