ไทยเอง และที่
ได้
รั
บอิ
ทธิ
พลจากต่
างประเทศ เช่
น จี
น อิ
นเดี
มอญ กั
มพู
ชา โดยดนตรี
ไทยแต่
ละภาคเป็
นดนตรี
พื้
นบ้
านที่
ถ่
ายทอดกั
นมาด้
วยคำ
�พู
ด ซึ่
งเรี
ยนรู้
ผ่
านการฟั
งมากกว่
การอ่
าน และเป็
นสิ่
งที่
พู
ดต่
อกั
นมาแบบปากต่
อปาก โดยไม่
มี
การจดบั
นทึ
กไว้
เป็
นลายลั
กษณ์
อั
กษร เป็
นลั
กษณะการ
สื
บทอดทางวั
ฒนธรรมของชาวบ้
านตั้
งแต่
อดี
ตเรื่
อยมาจนถึ
ปั
จจุ
บั
น ถื
อเป็
นเอกลั
กษณของท้
องถิ่
นนั้
นๆ สื
บต่
อกั
นมา
สำ
�หรั
บเครื่
องดนตรี
ไทยนั้
นสามารถแบ่
งได้
ตาม
ประเภทการบรรเลง มี
๔ ประเภท ได้
แก่
ดี
ด สี
ตี
เป่
า และ
แบ่
งตามภู
มิ
ภาคของประเทศเป็
น ภาคเหนื
อ ภาคอี
สาน
ภาคกลาง และภาคใต้
ในอดี
ตดนตรี
ไทยนิ
ยมเล่
นในการ
ขั
บลำ
�นำ
�และร้
องเล่
น ต่
อมาจึ
งมี
การนำ
�เอาเครื่
องดนตรี
จาก
ต่
างประเทศเข้
ามาผสม ดนตรี
ไทยที่
นิ
ยมเล่
นกั
นเป็
นวงได้
แก่
วงปี่
พาทย์
วงเครื่
องสาย วงมโหรี
เป็
นต้
น ดนตรี
ไทยเข้
ามา
มี
บทบาทในชี
วิ
ตคนไทย โดยใช้
ประกอบในงานมงคล
งานอวมงคล และอื่
นๆ ในปั
จจุ
บั
นดนตรี
ไทยไม่
ค่
อยเป็
นที่
แพร่
หลายนั
ก เนื่
องจากวั
ฒนธรรมตะวั
นตกเข้
ามาแทนที่
การเล่
นดนตรี
สากลเป็
นที่
นิ
ยมมากขึ้
น ทำ
�ให้
ดนตรี
ไทยได้
รั
ความนิ
ยมลดลง
ส่
วนศิ
ลปะทางด้
านนาฏศิ
ลป์
ไทยนั้
น เป็
นศิ
ลปะ
การแสดงประกอบดนตรี
เช่
น ฟ้
อน รำ
� ระบำ
� โขน ซึ่
งแต่
ละ
ท้
องถิ่
นก็
จะมี
ชื่
อเรี
ยกและมี
ลี
ลาการแสดงที่
แตกต่
างกั
นไป
โดยนาฏศิ
ลป์
ไทยได้
รั
บอิ
ทธิ
พลแบบแผนตามแนวคิ
ดจาก
ต่
างชาติ
เข้
ามาผสมผสาน เช่
น วั
ฒนธรรมอิ
นเดี
ยที่
เกี่
ยวกั
วรรณกรรมเทพเจ้
าต่
างๆ โดยผ่
านเข้
าสู่
ประเทศไทยทั้
งทาง
ตรงและทางอ้
อม คื
อ ผ่
านชนชาติ
ชวาและกั
มพู
ชา ก่
อนที่
จะ
นำ
�มาปรั
บปรุ
งให้
เป็
นรู
ปแบบตามเอกลั
กษณ์
ของไทย ถื
อเป็
อิ
ทธิ
พลสำ
�คั
ญต่
อแบบแผนการแสดงนาฏศิ
ลป์
ไทยจนเกิ
เป็
นเอกลั
กษณ์
ของตนเอง
นาฏศิ
ลป์
ของไทยค้
นพบได้
จากหลั
กฐานทาง
โบราณคดี
ที่
เก่
าแก่
ที่
สุ
ดคื
อหลั
กศิ
ลาจารึ
กหลั
กที่
๑ ของพ่
อขุ
รามคำ
�แหงมหาราช ซึ่
งได้
อ้
างถึ
“ระบำ
� รำ
� และเต้
น”
และ
ได้
รั
บการพั
ฒนาให้
สมบู
รณ์
ยิ่
งขึ้
นในสมั
ยกรุ
งศรี
อยุ
ธยา โดย
เฉพาะอย่
างยิ่
งในสมั
ยของสมเด็
จพระเจ้
าอยู่
หั
วบรมโกศ
เนื่
องจากเป็
นยุ
คสมั
ยที่
บ้
านเมื
องมี
ความสงบสุ
ข จึ
งกลายเป็
ยุ
คทองของนาฏศิ
ลป์
และละครราชสำ
�นั
ก โดยศิ
ลปะการ
แสดงของไทยจะประกอบด้
วย ๓ หมวดใหญ่
คื
อ นาฏศิ
ลป์
โขน และละคร นั
บได้
ว่
าโดดเด่
นและมี
ความสำ
�คั
ญเป็
นอย่
างยิ
การแสดงโขน
ศิ
ลปะขั้
นสู
งที่
ต้
องอาศั
ยศาสตร์
และศิ
ลป์
หลายแขนง
1...,93,94,95,96,97,98,99,100,101,102 104,105,106,107,108,109,110,111,112,113,...124