๗๐
ชาวญั
ฮกุ
รจะถู
กโจรปล
นฆ
าบ
อยมาก เขาจึ
งกลั
คนไทย คนแปลกหน
า ญั
ฮกุ
รจะเก็
บเงิ
นและเครื่
องประดั
บไว
ในไหแล
วนํ
าไปฝ
งดิ
น ในที่
ที่
คิ
ดว
าปลอดภั
ย หากบั
งเอิ
เสี
ยชี
วิ
ตลงกะทั
นหั
นก็
ไม
มี
ใครรู
ว
าฝ
งเงิ
นไว
ที่
ไหน เนื่
องจาก
ย
ายหนี
เข
าป
าลึ
กไปเรื่
อยๆ ป
จจุ
บั
นคนไทยยั
งเคยไถดิ
นทํ
าไร
แล
วไถพบไหเงิ
นโบราณของชาวญั
ฮกุ
รบ
อยครั้
งมาก แต
ก็
ไม
ทราบว
าเป
นของใคร เนื่
องจากเขาไม
มี
ระบบตั
วเขี
ยนจึ
งไม
มี
การสลั
กชื่
อใครไว
เลย
แต
เป
นที่
น
ายิ
นดี
ที่
เด็
กญั
ฮกุ
รในป
จจุ
บั
นได
มี
โอกาส
ได
เรี
ยน เขี
ยน อ
าน ภาษาของตนเองอย
างครบกระบวนการ
ทางด
านภาษา คื
อการฟ
ง พู
ด อ
าน และเขี
ยน อย
างภาคภู
มิ
ใจ
มี
โอกาสได
เติ
มเต็
มความเสมอภาคทางด
านภาษาให
กั
ชนชาติ
พั
นธุ
ญั
ฮกุ
รเหมื
อนภาษาอื่
นๆที่
มี
ทั้
งภาษาพู
ดและ
ภาษาเขี
ยนแบบภาษาอื่
นๆ
ความเป
นมาของภาษาญั
ฮกุ
ชาติ
พั
นธุ
ญั
ฮกุ
รมี
เพี
ยงภาษาพู
ดไม
มี
ระบบตั
วเขี
ยน
เมื่
อป
พ.ศ. ๒๕๓๙ – ๒๕๔๘ เป
นช
วงเวลาที่
นั
กภาษาศาสตร
จากสถาบั
นวิ
จั
ยภาษาและวั
ฒนธรรมเพื่
อพั
ฒนาชนบท
มหาวิ
ทยาลั
ยมหิ
ดล ร
วมกั
บปราชญ
ชาวญั
ฮกุ
รได
ทํ
าการวิ
จั
และตกลงใช
อั
กษรไทยเขี
ยนภาษาญั
ฮกุ
เริ
มจากการเลื
อกตั
วอั
กษรไทย 1 ตั
วอั
กษรแทน 1 เสี
ยง
ยกเว
นบางเสี
ยงที่
ต
องใช
เครื่
องหมายบ
งบอกเพิ่
มเติ
ม แล
วเลื
อก
คํ
าในภาษาญั
ฮกุ
รที่
สามารถวาดรู
ปได
เพื่
อให
ง
ายต
อการสื่
ความหมายและการจดจํ
า และเริ่
มทดลองใช
ในชุ
มชนญั
ฮกุ
ตั้
งแต
พ.ศ.๒๕๔๙ เป
นต
นมา(สุ
วิ
ไล เปรมศรี
รั
ตน
; ศิ
ริ
เพ็
อึ
งสิ
ทธิ
พู
นพร.๒๕๔๙ : ๑-๑๑)
ป
พ.ศ. ๒๕๕๐ โรงเรี
ยนบ
านวั
งอ
ายคง นํ
าร
องใน
การนํ
าภาษาญั
ฮกุ
รเข
าสอนในระบบโรงเรี
ยนในโครงการ
วิ
จั
ย"การจั
ดห
องเรี
ยนคู
ขนานสํ
าหรั
บเด็
กชาติ
พั
นธุ
ญั
ฮกุ
รโดยใช
ภาษาแม
ร
วมจั
ดการเรี
ยนการสอน" (ศิ
ริ
พร หมั่
นงานและ
คณะ๒๕๕๐: ๑-๑๗๐) ซึ่
งมี
หลั
กการดั
งนี้
๑) การเขี
ยนพยั
ญชนะ
และสระ พยั
ญชนะต
นหรื
อตั
วต
นในภาษาญั
ฮกุ
รมี
๒๖ ตั
วคื
ก ว ค ด พ ล ง ม ท จ ย ต ค ญ ฮ อ ป บ น ช ฮง ฮน ฮม
ฮร ฮล ฮว และอี
ก ๒ เสี
ยงที่
ไม
มี
ในภาษานี้
แต
จํ
าเป
นต
องใช
เนื่
องจากมี
คํ
ายื
มในภาษาไทยมาใช
คื
อ [s] ซ และ [f] ฟ และ
เนื่
องจากภาษาญั
ฮกุ
รเป
นภาษาที่
ไม
มี
วรรณยุ
กต
การใช
อั
กษร
สู
งจะบกพร
องในการอ
าน จึ
งใช
เพี
ยงอั
กษรกลางและต่ํ
าแล
เลื
อกใช
ตั
วอั
กษรที่
ใช
บ
อยและง
ายต
อการจดจํ
าเช
น ก- กา?
=ปลา ค- คุ
ย=กุ
ง จ-จี
ญ=ช
าง นอกจากนี้
ยั
งมี
เสี
ยงที่
ต
างจาก
ภาษาไทยอย
างชั
ดเจนคื
อเสี
ยงที่
มี
ฮ นํ
าหน
า เช
นฮนู
ย = ลิ
ฮมุ
ม = หมี
ส
วนพยั
ญชนะท
ายหรื
อตั
วสะกดมี
๑๔ ตั
ว คื
-ก -ง -ด -บ -น -ม -ญ -ว -ย -ฮ -ร -ล -ซ
เสี
ยงสระมี
๒๒ เสี
ยง คื
อ อะ อา อิ
อี
อึ
อื
อุ
อู
เอะ
เอ แอะ แอ โอะ โอ เอะ/เอิ
เออ เอาะ/อ็
อ ออ เอา
เอี
ย เอื
อ อั
ว ภาษาญั
ฮกุ
รไม
ใช
สระอํ
า (อํ
า) และสระไอ (ไ-)
แต
จะเขี
ยนในรู
ปไม
หั
นอากาศและตั
วสะกดแทน เช
ฮนั
ม=กระท
อม ฮั
ย=วั
น ถ
าเป
นเสี
ยงสั้
นจะใส
ไม
ไต
คู
เช
แน็
ญ = เบ็
ด แว็
ย = ฉั
นอกจากนี้
ยั
งมี
ข
อสั
งเกตหรื
อส
วนพิ
เศษที่
ต
างไป
จากภาษาไทย ได
แก
การเขี
ยนเสี
ยงที
เป
นสั
ญลั
กษณ
ภาษาญั
ฮกุ
รคื
๑) คํ
าที่
มี
เสี
ยงสระไม
สั้
นไม
ยาว (เป
นเอกลั
กษณ
ญั
ฮกุ
ร) จะใช
สั
ญลั
กษณ
สระเสี
ยงยาวแล
วตามด
วยตั
วคล
าย
เครื่
องหมายคํ
าถามป
ดท
าย
๒) เสี
ยงควบกล้ํ
าทุ
กตั
วจะเขี
ยนติ
ดกั
นยกเว
นคํ
าที่
มี
ตั
วสะกด ร และคํ
าที่
ลงท
ายด
วยตั
วคล
ายเครื
องหมายคํ
าถาม
ป
ดท
าย (เป
นเอกลั
กษณ
ญั
ฮกุ
ร) เช
น โชรม =งู
แช็
ร=เตี้
ย ยกเว
ชแร = นา ปแร =เหล
๓) การเขี
ยนพยางค
ต
นในคํ
า ๒ พยางค
จะต
องใส
สระ- อะ ที่
พยางค
แรกเนื
องจากคํ
าส
วนใหญ
ในภาษาญั
ฮกุ
รเป
คํ
า ๒ พยางค
แต
ลงเสี
ยงหนั
กที่
พยางค
ที่
๒ เพื่
อไม
ให
สั
บสน
กั
บคํ
าควบกล้ํ
าเช
น คะยาม=จรเข
คะยาล = ลม
๔) ใช
เสี
ยง ฮึ
อยู
หน
าคํ
าหลั
ก เช
น ฮึ
ตาก=ลิ้
ฮึ
ตาม = ปู
ฮึ
เปญ = เสื
อ ฮึ
บอง = สิ
งโต ฮึ
โชง=วั
๕) การเว
นระยะเขี
ยนคํ
าแต
ละคํ
าให
ห
างกั
นเป
คํ
าๆ ไม
เขี
ยนติ
ดกั
นเหมื
อนภาษาไทย
1...,62,63,64,65,66,67,68,69,70,71 73,74,75,76,77,78,79,80,81,82,...124