Page 95 - Culture4-2017 วารสารวัฒนธรรม ปีที่ ๕๖ ฉบับที่ ๔ ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๖๐
P. 95
๒ ๔
ภาพ ๑-๔ รถอีแต๋นที่สร้างด้วยมือกันทั้งคันอย่างประณีตและประดิดประดอย
โดยเฉพาะตัวถังส่วนใบหน้าที่ต้องเคาะขึ้นรูป โป้วแต่งทรวดทรง ท�าสี ติดคิ้ว
เพิ่มลวดลาย นับเป็นงานที่ต้องอาศัยช่างที่มีฝีมือ
๓ อีโกง อีแตก และอีแตน
“อีโก่ง” หรือ “อีโก้ง” เป็นชื่อเรียกตามลักษณะเด่นของรถ
ไถนาเดินตามที่มีคันบังคับยาวและโก่งงอลงถึงมือคนบังคับขับไถ
งำนแบบนี้ใช้เวลำมำก แบบที่ผมท�ำนี่ไม่ค่อยมีใครท�ำ” ประทีปกล่าว เมื่อน�ารถอีโก่งมาพ่วงท้ายลากเกวียนแล่นไปมาจากบ้านสู่ไร่นา
เราดูชิ้นงานที่อยู่ตรงหน้า เป็นส่วนของฝากระโปรงที่มีทั้งงานเชื่อม จะได้ยินเครื่องยนต์ส่งเสียง แต๊ก ๆ ๆ มาแต่ไกล จึงพากันเรียกรถ
งานขัด งานเคาะ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ใช้เวลาในการท�างานนานมาก ไถนาพ่วงเกวียนว่า “อีแต๊ก” หรือ “อีตั๊ก”
ตัวชิ้นงานแสดงให้เห็นถึงความละเอียดและความตั้งใจ งานดัดเหล็ก กระทั่งมีการพัฒนารถเกษตรฝีมือพื้นบ้านไปจนถึงขั้นมี
ด้วยมือให้ได้รูปทรงที่ต้องการจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ โครงสร้างคล้ายรถยนต์ไม่ใช่รถพ่วง มีพวงมาลัย ระบบเบรก ระบบ
สร้างสรรค์งานจะแสดงออกถึงความภาคภูมิใจเมื่อได้อธิบายและ เกียร์ มีหลังคา และสีสันสวยงาม สามารถแล่นด้วยความเร็วมาก
อวดโฉมชิ้นงาน “เป็นควำมชอบส่วนตัวผมด้วย ผมชอบงำนที่สร้ำง ขึ้น ด้วยความเลิศเลอกว่าใครในท้องทุ่งยุคแรก ซึ่งพ้องกับค�าว่า
ด้วยมือ” เช่นนี้แล้วงานสร้างเกวียนในอดีตกับปัจจุบันที่สร้างอีแต๋น “สะแหล๋นแต๋น” อันเป็นค�าที่มีความหมายว่า เลิศเลอ ในสมัยนั้น
แตกต่างด้วยวัสดุที่น�ามาใช้ คือ ไม้และเหล็ก แตกต่างด้วยเครื่องมือ จึงเป็นที่มาของนาม “อีแต๋น”
และเทคนิคในการท�างานที่ยุคปัจจุบันมีความซับซ้อนมากกว่า ทว่า รถอีแต๋นสามารถขับขี่บนท้องถนนเช่นเดียวกับรถยนต์ประเภท
เมื่อช่างทั้งสองยุคลงมือท�างานสร้างสรรค์พาหนะเพื่อการเกษตร สิ่งที่ อื่น ๆ ได้โดยจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกและเสียภาษี
ถูกถ่ายทอดลงสู่ชิ้นงานคือความตั้งใจความละเอียดลออในการท�างาน ประจ�าปี ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๒๕ ออกตามความ
ราวกับว่านี่คืองานหัตถกรรมหัตถศิลป์ชิ้นหนึ่ง ในพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ว่าต้องใช้เครื่องยนต์ที่มิได้
เราพยายามจินตนาการถึงการพัฒนาการต่อยอด แรกเริ่ม ใช้ส�าหรับรถยนต์โดยเฉพาะมาติดตั้ง น�้าหนักตัวรถไม่เกิน ๑,๖๐๐
เดิมทีเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่น�าเข้ามาสู่แวดวงเกษตร เริ่มจากเป็น กิโลกรัม เครื่องยนต์ต้องมีความจุในกระบอกสูบรวมกันไม่เกิน
รถไถเดินตามซึ่งนับได้ว่าเป็นต้นทางของการพัฒนาไปสู่รถเพื่อการ ๑,๒๐๐ ลูกบาศก์เซนติเมตร ความกว้างตัวรถไม่เกิน ๒ เมตร และ
เกษตรรูปแบบอื่น ๆ เพื่อสะดวกต่อการใช้งานที่นอกเหนือไปจากการ ความยาวไม่เกิน ๖ เมตร มีลักษณะเป็นรถสี่ล้อหรือรถสามล้อก็ได้
ไถนา จนท้ายที่สุดกลายเป็นรถอีแต๋น หรือรถบรรทุกขนาดเล็กที่มี มีระบบไฟฟ้า ได้แก่ ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว แตรที่ดังพอสมควร
ลักษณะเฉพาะตัวมีความเป็นท้องถิ่นด้วยชั้นเชิงช่างพื้นบ้านไทย และมีกระจกมองข้างเช่นเดียวกับรถประเภทอื่น ๆ
ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๐ 93