65
กรกฎาคม-กั
นยายน ๒๕๕๗
ฟื้
นฟู
สู้
กระแสโลก
ปลู
กฝั
งสู่
ยั่
งยื
น
ชาวเลอเวื
อะมี
ความพยายามที่
จะชะลอวิ
กฤตการณ์
ภาษาและวั
ฒนธรรมของตนเองตั้
งแต่
ปี
๒๕๔๘ โดยได้
รั
บทุ
น
สนั
บสนุ
นจากส�
ำนั
กงานกองทุ
นสนั
บสนุ
นการวิ
จั
ย (สกว.) ใน
การด�
ำเนิ
นกิ
จกรรมการวิ
จั
ยเพื่
อท้
องถิ่
น และมี
ศู
นย์
ศึ
กษาและ
ฟื
้
นฟู
ภาษาและวั
ฒนธรรมในภาวะวิ
กฤต มหาวิ
ทยาลั
ยมหิ
ดล
สนั
บสนุ
นด้
านวิ
ชาการ โดยเริ่
มต้
นจากการพั
ฒนาระบบ
ตั
วเขี
ยนภาษาเลอเวื
อะ ด้
วยอั
กษรไทยและสามารถแทน
เสี
ยงในภาษาเลอเวื
อะได้
ครบถ้
วน เพื่
อใช้
ในการบั
นทึ
ก
และถ่
ายทอดภาษา ผ่
านการ เขี
ยนนิ
ทาน เรื่
องเล่
าและ
วรรณกรรมมุ
ขปาฐะต่
างๆ ตลอดจนน�
ำภาษาเลอเวื
อะเข้
า
สอนในระบบโรงเรี
ยน ซึ่
งต้
องมี
การท�
ำแผนการสอน ผลิ
ต
สื่
อ และฝึ
กกลวิ
ธี
การสอนส�
ำหรั
บครู
ภู
มิ
ปั
ญญาหรื
อครู
ท้
องถิ่
น การท�
ำงานวิ
จั
ยเพื่
อท้
องถิ่
นนี้
ยั
งสามารถต่
อยอด
น�
ำไปสู่
การศึ
กษาหรื
อฟื้
นฟู
ภู
มิ
ปั
ญญาด้
านอื่
นๆ ด้
วย ได้
แก่
การฟื
้
นฟู
ประวั
ติ
ศาสตร์
ชาติ
พั
นธุ
์
การฟื
้
นฟู
อาหารพื้
นบ้
าน
เป็
นต้
น จากการด�
ำเนิ
นงานดั
งกล่
าวท�
ำให้
ได้
องค์
ความรู
้
และภู
มิ
ปั
ญญาส�
ำคั
ญของชาวเลอเวื
อะ และยั
งเป็
นการ
กระตุ
้
นให้
ชุ
มชนเห็
นความส�
ำคั
ญ เกิ
ดความตระหนั
กและ
ความภาคภู
มิ
ใจในภาษาและวั
ฒนธรรมของตนเอง โดยการ
ถ่
ายทอดจากผู
้
อาวุ
โส สู
่
กลุ
่
มเยาวชนผู
้
ที่
จะท�
ำหน้
าที่
สื
บทอด
ภาษาและวั
ฒนธรรมให้
คงอยู่
ต่
อไป
ภาษาเป็
นกุ
ญแจส�
ำคั
ญอย่
างหนึ่
งที่
จะช่
วยไขความ
เข้
าใจเกี่
ยวกั
บประเพณี
วั
ฒนธรรม ระบบความคิ
ด ความเชื่
อ
และภู
มิ
ปั
ญญาของกลุ
่
มชนต่
างๆ ที่
อาศั
ยอยู
่
ในประเทศไทย
และรวมถึ
งประเทศในเอเชี
ยตะวั
นออกเฉี
ยงใต้
ภาคพื้
น
แผ่
นดิ
นใหญ่
ถ้
าภาษาตายไป สิ่
งเหล่
านี้
ก็
จะสู
ญหายไปด้
วย
ปั
ญหาส�
ำคั
ญที่
มั
กพู
ดกั
นเสมอเกี่
ยวกั
บการอนุ
รั
กษ์
และฟื
้
นฟู
ภาษาและวั
ฒนธรรมในภาวะวิ
กฤตว่
าจะท�
ำอย่
างไรให้
เกิ
ด
“ความยั่
งยื
น” (sustainability) จากประสบการณ์
ที่
ผ่
านมา
การอนุ
รั
กษ์
และฟื
้
นฟู
ภาษาและวั
ฒนธรรมจะยั่
งยื
นได้
นั้
น
ต้
องเกิ
ดจากการผนึ
กก�
ำลั
งของคนภายในชุ
มชน (Insider) กั
บ
นั
กวิ
ชาการจากภายนอก (Outsider) โดยที่
นั
กวิ
ชาการเข้
าไป
กระตุ
้
นให้
ชุ
มชนเห็
นความส�
ำคั
ญ และช่
วยพั
ฒนาฐานความรู
้
ให้
เกิ
ดขึ้
น ร่
วมมื
อกั
นท�
ำงานอย่
างเสมอภาคและเท่
าเที
ยม
เสริ
มสร้
างแรงจู
งใจซึ
่
งกั
นและกั
น จนท�
ำให้
คนในชุ
มชนเกิ
ด
ความภาคภู
มิ
ใจในภาษาและวั
ฒนธรรมของตนและรู
้
สึ
กว่
า
มี
ศั
กดิ์
ศรี
(prestige) ไม่
รู
้
สึ
กว่
าต�่
ำต้
อย ด้
อยค่
า วิ
ธี
การที่
ใช้
แล้
ว
ประสบความส�
ำเร็
จก็
คื
อ การวิ
จั
ยเพื่
อท้
องถิ่
น (Community
based research) และการวิ
จั
ยเชิ
งปฏิ
บั
ติ
การแบบมี
ส่
วนร่
วม
(Participatory Action Research) ท�
ำให้
ชุ
มชนสามารถ
ตั
ดสิ
นใจและหาแนวทางในการอนุ
รั
กษ์
และฟื
้
นฟู
ด้
วยตนเอง
ในขณะเดี
ยวกั
นสั
งคมภายนอก เช่
น เครื
อข่
ายของนั
กวิ
ชาการ
ภายนอกหลายๆ หน่
วยงานเข้
ามาท�
ำงานและบู
รณาการ
ความรู
้
ร่
วมกั
นอย่
างต่
อเนื่
องและจริ
งจั
ง จึ
งจะน�
ำไปสู
่
ความ
ยั่
งยื
นได้