9
กรกฎาคม-กั
นยายน ๒๕๕๗
ผ้
าตี
นจก
ศู
นย์
ศิ
ลปาชี
พพิ
เศษในภู
มิ
ภาคต่
างๆ ได้
ด�
ำเนิ
นงาน
ทั้
งด้
านอนุ
รั
กษ์
และส่
งเสริ
มผ้
าทอมื
อให้
กลั
บมาได้
รั
บความนิ
ยม
โดยเฉพาะผ้
าทอมื
อของกลุ
่
มชนต่
างๆ ที่
มี
เอกลั
กษณ์
โดดเด่
น
เช่
น ผ้
าทอมื
อของกลุ
่
มชนชาวไทยวนบริ
เวณภาคเหนื
อตอนล่
าง
หรื
อภาคกลางตอนบนและภาคกลาง เช่
น กลุ่
มยวนบริ
เวณ
จั
งหวั
ดราชบุ
รี
อุ
ตรดิ
ตถ์
เชี
ยงใหม่
ผ้
าทอมื
อของกลุ
่
มไทยวน
มั
กทอผ้
ายกและผ้
าจก ซึ่
งใช้
ต่
อเชิ
งซิ่
นอย่
างที่
เรี
ยกว่
า
ซิ่
นตี
นจก เช่
นเดี
ยวกั
บกลุ
่
มไทพวนบริ
เวณจั
งหวั
ดสุ
โขทั
ย
อุ
ทั
ยธานี
พิ
ษณุ
โลก ที่
มั
กทอผ้
าจกเป็
นส่
วนใหญ่
รวมทั้
ง
กลุ
่
มไทคั่
ง บริ
เวณจั
งหวั
ดอุ
ทั
ยธานี
จนถึ
งกลุ
่
มชนชาวไทยภู
เขา
ในบริ
เวณภาคเหนื
อ ซึ่
งมี
ศู
นย์
ศิ
ลปาชี
พพิ
เศษบ้
านห้
วยเดื่
อ
จั
งหวั
ดแม่
ฮ่
องสอน ให้
การสนั
บสนุ
นและส่
งเสริ
ม
ในบริ
เวณภาคอี
สานหรื
อภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อ
มี
กลุ
่
มทอผ้
าที่
มี
เอกลั
กษณ์
เฉพาะโดดเด่
นหลายกลุ
่
ม เช่
น
กลุ
่
มผู
้
ไทในบริ
เวณจั
งหวั
ดนครพนม ร้
อยเอ็
ด ผ้
าทอที
่
มี
ชื่
อเสี
ยงของกลุ
่
มนี้
ได้
แก่
ผ้
าไหมทอลายจกที่
เรี
ยกว่
า ผ้
าแพรวา
ซึ่
งใช้
เป็
นผ้
าห้
อยไหล่
หรื
อผ้
าเบี่
ยง ส่
วนกลุ
่
มชนไทลาวที่
กระจายอยู
่
ทั่
วไปในภาคอี
สาน มั
กทอผ้
าไหม ผ้
ามั
ดหมี่
เช่
น กลุ
่
มทอผ้
าไหมและผ้
ามั
ดหมี่
ในบริ
เวณจั
งหวั
ดขอนแก่
น
สุ
ริ
นทร์
และบุ
รี
รั
มย์
ผ้
าทอมื
อเป็
นศิ
ลปหั
ตถกรรมประเภทหนึ่
งที่
ได้
รั
บ
การสนั
บสนุ
นและส่
งเสริ
มอย่
างกว้
างขวางมาเป็
นเวลานาน
หลายสิ
บปี
จนท�
ำให้
มรดกภู
มิ
ปั
ญญาประเภทนี้
ที่
ถู
กปล่
อยปละ
ละเลยมานาน ได้
รั
บความสนใจและมี
ผู
้
เห็
นคุ
ณค่
ามากขึ้
น
ในขณะเดี
ยวกั
นก็
รื้
อฟื
้
นช่
างทอที
่
ว่
างเว้
นจากการทอมานาน
ได้
หวนกลั
บมาท�
ำงานที่
ตนถนั
ด ในขณะเดี
ยวกั
นก็
มี
เยาวชน
รุ
่
นใหม่
ให้
ความสนใจงานถั
กทอและจะเป็
นผู
้
สื
บสานงาน
ศิ
ลปหั
ตถกรรมประเภทนี้
ไว้
ไม่
ให้
สู
ญหาย
งานถั
กทอดั
งกล่
าวเป็
นงานศิ
ลปหั
ตถกรรมพื้
นบ้
าน
ที่
ได้
รั
บการส่
งเสริ
มจากมู
ลนิ
ธิ
ส่
งเสริ
มศิ
ลปาชี
พในสมเด็
จ
พระนางเจ้
าสิ
ริ
กิ
ติ์
พระบรมราชิ
นี
นาถ ท�
ำให้
ชาวบ้
านได้
ใช้
ความสามารถสร้
างผลงานตามขนบนิ
ยมของท้
องถิ่
นให้
ได้
รู
้
คุ
ณค่
า และน�
ำไปสู
่
การประกอบอาชี
พเสริ
มหรื
ออาชี
พหลั
ก
ผ้
าแพรวา