68
ดิ
นแดนสี
ทองแห่
งองค์
พระมหาเจดี
ย์
แห่
งนี้
ร่ำ
�รวยด้
วยศิ
ลปวั
ฒนธรรมและแหล่
ท่
องเที่
ยวธรรมชาติ
มี
ศาสนสถาน และโบราณสถานกระจายตั
วอยู่
ทั่
วทุ
กหนทุ
กแห่
ง พร้
อม
กั
บป่
าไม้
อั
นอุ
ดมสมบู
รณ์
ด้
วยพื
ชพรรณ สั
ตว์
ป่
า แม่
น้ำ
� ทะเลสาบตามธรรมชาติ
เกาะแก่
และหาดทรายขาวบริ
สุ
ทธิ์
อี
กทั้
งยั
งมี
ความหลากหลายด้
านชาติ
พั
นธุ์
และวิ
ถี
ชี
วิ
ตของผู้
คน
พ.ศ. ๒๔๘๐ เมี
ยนมาร์
พยายามแยกตั
วเป็
นอิ
สระ
จากอั
งกฤษ ซึ่
งตรงกั
บช่
วงสงครามโลกครั้
งที่
๒ พอดี
ช่
วงนั้
ญี่
ปุ่
นเข้
ามารุ
กรานจั
กรวรรดิ
อั
งกฤษด้
วย ชาวเมี
ยนมาร์
จึ
ร่
วมมื
อกั
บกองทั
พญี่
ปุ่
นเพื่
อช่
วยปลดแอก ในที่
สุ
เมี
ยนมาร์
ก็
ประกาศเอกราชได้
สำ
�เร็
จ ในวั
นที่
๔ มกราคม
พ.ศ. ๒๔๙๑
ประวั
ติ
ความเป็
นมา
“พม่
า”
หรื
“เมี
ยนมาร์
” (Myanmar)
มี
ชื่
ทางการว่
า “สาธารณรั
ฐแห่
งสหภาพเมี
ยนมาร์
” (Republic of
the Union of Myanmar) มี
เมื
องหลวงชื่
อ “เนปิ
ดอว์
” (Nay
Pyi Taw) ซึ่
งย้
ายจาก “ย่
างกุ้
ง” (Yangon) การย้
ายเมื
องหลวง
ในครั้
งนี้
เพื่
อเป็
นการขยายโอกาสทางเศรฐกิ
จ และความ
มั่
นคงของประเทศ เพราะเมื
องหลวงเดิ
มเริ่
มคั
บแคบ และ
เนปิ
ดอร์
แห่
งนี้
ก็
จะกลายเป็
นศู
นย์
กลางการคมนาคมแห่
งใหม่
ของประเทศเนื่
องจากเชื่
อมต่
อกั
บเมื
องใหญ่
หลายเมื
อง
ชาวมอญเป็
นชนชาติ
แรกที่
เข้
ามาตั้
งถิ่
นฐานใน
บริ
เวณลุ่
มแม่
น้
�อิ
รวดี
และชายฝั่
งเทื
อกเขาตะนาวศรี
ซึ่
งเป็
ที่
ตั้
งของเมี
ยนมาร์
ในปั
จจุ
บั
น อดี
ตนั้
นประวั
ติ
ศาสตร์
เมี
ยนมาร์
เริ
มต้
นโดยชนชาติ
“พยู
หรื
อปยู
” (Pyu)
ที
ได้
ตั
งหลั
กแหล่
งอยู่
ในประเทศเมี
ยนมาร์
ก่
อนการอพยพลงมา
ของชนชาติ
ทิ
เบต-เมี
ยนมาร์
โดยอาศั
ยอยู่
แถบเมื
องแปรทาง
ภาคกลางของประเทศเมี
ยนมาร์
เรี
ยกชื่
อว่
“อาณาจั
กรศรี
เกษตร”
เมื่
ออาณาจั
กรนี้
ล่
มสลายไปในช่
วงพุ
ทธศตวรรษที่
๑๗ ชาวเมี
ยนมาร์
ก็
เข้
ามาตั้
“อาณาจั
กรพุ
กาม”
ขึ้
นแทน
ซึ่
งถื
อเป็
นอาณาจั
กรแรกของเมี
ยนมาร์
พอมาช่
วงพุ
ทธศตวรรษที่
๒๔ ในสมั
ยพระเจ้
อลองพญา ก็
มี
ชาวตะวั
นตกเข้
ามาในดิ
นแดนเมี
ยนมาร์
จำ
�นวนมาก เริ่
มจากชาติ
โปรตุ
เกสที่
เข้
ามาตั้
งสถานี
การค้
ต่
อมาก็
ชาวฮอลั
นดา ชาวฝรั่
งเศส และชาวอั
งกฤษ ต่
างก็
เข้
มาร่
วมทำ
�การค้
าด้
วย แต่
ภายหลั
งอั
งกฤษมี
เหตุ
ขั
ดแย้
งกั
กษั
ตริ
ย์
เมี
ยนมาร์
จึ
งเกิ
ดการสู้
รบกั
น ในที่
สุ
ดอั
งกฤษก็
ชนะ
และยึ
ดเมี
ยนมาร์
เป็
นดิ
นแดนอาณานิ
คมใน พ.ศ. ๒๔๒๘
ภู
มิ
ศาสตร์
เมี
ยนมาร์
มี
พรมแดนติ
ดกั
บอิ
นเดี
ย บั
งกลาเทศ
จี
น ลาว และไทย หนึ่
งในสามของพรมแดนเมี
ยนมาร์
ที่
มี
ความยาว ๑,๙๓๐ กิ
โลเมตร เป็
นแนวชายฝั
งตามอ่
าวเบงกอล
และทะเลอั
นดามั
น ด้
วยพื้
นที่
๖๗๖,๕๗๘ ตารางกิ
โลเมตร
โดยมี
พรมแดนติ
ดต่
อกั
บบั
งกลาเทศและอิ
นเดี
ยทางตะวั
นตก
เฉี
ยงเหนื
อ พรมแดนทางเหนื
อและตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อติ
ดต่
กั
บทิ
เบตและมณฑลยู
นนานของจี
นยาวถึ
ง ๒,๑๘๕ กิ
โลเมตร
ทางตะวั
นออกเฉี
ยงใต้
ติ
ดต่
อกั
บลาวและไทย เมี
ยนมาร์
มี
แนวชายฝั่
งต่
อเนื่
องตามอ่
าวเบงกอล และทะเลอั
นดามั
นทาง
ตะวั
นตกเฉี
ยงใต้
และทางใต้
ซึ่
งเป็
นหนึ่
งในสี่
ของพรมแดน
ทั้
งหมด
สภาพภู
มิ
อากาศส่
วนใหญ่
ในบริ
เวณที
เป็
นเทื
อกเขา
สู
งทางตอนกลางและตอนเหนื
อของประเทศ จะมี
อากาศ
แห้
ง และร้
อนมากในฤดู
ร้
อน ส่
วนในฤดู
หนาวอากาศจะเย็
มาก ตามชายฝั่
งทะเลและบริ
เวณที่
ราบลุ่
มแม่
น้
�จะ
แปรปรวนในช่
วงเปลี่
ยนฤดู
เพราะได้
รั
บอิ
ทธิ
พลของพายุ
ดี
เปรสชั่
น ทำ
�ให้
บริ
เวณนี้
มี
ฝนตกชุ
กหนาแน่
นมากกว่
ตอนกลาง หรื
อตอนบนของประเทศที่
เป็
นเขตเงาฝน
1...,60,61,62,63,64,65,66,67,68,69 71,72,73,74,75,76,77,78,79,80,...124