Page 63 - E-Book Culture 02_20182
P. 63

ในประวัติศาสตร์ของขนมเบื้อง สะท้อนความเก่าแก่และมิติทางสังคมไว้ตั้งแต่
                                              ในวัง ในประเพณีหลวงต่างๆ ไล่เลยออกมาถึงระดับสามัญชนชาวบ้าน ฉายฉากความ
                                              เป็นเมืองลุ่มน�้าภาคกลางที่แสนสมบูณ์ อันเป็นที่มาของกุ้งแม่น�้าชั้นดีที่คนท�าขนมเบื้อง

                                              นิยมน�ามาสับละเอียด ผสมกับพริกไทยและผักชีต�าพร้อมมันกุ้ง เชื่อกันว่าขนมเบื้องแบบ
                                              โบราณที่ใช้แป้งข้าวเจ้ากับกะทิและปรุงรสด้วยเกลือนั้นเลือนหายไปจากสังคมไทย
                                              เนิ่นนาน เพียงหลงเหลือและเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้แป้งข้าวเจ้า ไข่แดง น�้าปูนใส และ
                                              น�้าตาลปีบ เคล้าผสมสัดส่วน ผัดไส้เค็มด้วยกุ้งกับมะพร้าว หรือใช้ฝอยทองโรยบน

                                              ครีมขาว เป็นการพัฒนาเปลี่ยนแปลงจากขนมเบื้องไทยแบบดั้งเดิมไปมากมาย
                                                    ขนมเบื้องถูกปรับเปลี่ยนให้แปลกแยกแตกต่างกันไปตามการเติบโตของบ้านเมือง
                                              บางต�ารับอย่างของวังสวนสุนันทามีขนมเบื้องหน้าหมู ใช้หมูสับคลุกเคล้ากระเทียม
                                              พริกไทยและรากผักชี โขลกจนเข้ากัน ใส่พริกขี้หนูและน�าไปรวนให้สุก ส่วนขนมเบื้อง
                                              ญวนที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกัน แต่ต่างกันสิ้นเชิงในส่วนผสมและรสชาตินั้น สันนิษฐาน
                                              กันว่าน่าจะแพร่หลายเข้าสู่สังคมไทยด้วยเหตุผลทางการท�าศึกสงครามในสมัยต้น

                                              รัตนโกสินทร์ ราวแผ่นดินรัชกาลที่ ๓ ที่สยามยกทัพไปตีเมืองญวนภายใต้การน�าทัพของ
                                              พระยาบดินทรเดชา จนได้รับชัยชนะกลับมาพร้อมการเทครัวเชลยศึกญวนจ�านวนมาก
                                              มาปักหลักแถบริมแม่น�้าเจ้าพระยานอกวังหลวง น�าพาให้เกิดมีการท�าขนมเชื้อชาติญวน
                                              ชนิดหนึ่งออกขาย โดยใช้แป้งผสมกับไข่ให้ข้น เทราดลงบนกระทะเหล็กที่ทาน�้ามันบางๆ
                                              ตั้งไฟจนร้อนฉ่า จนแป้งแผ่เป็นแผ่นกลม ใส่ใส้ต่างๆ ที่ผัดไว้อย่างกุ้งและมะพร้าวคั่ว

                                              เมื่อสุกแล้วจึงแล้วพับกลาง หน้าตาคล้ายขนมเบื้องของไทย ผู้คนจึงเรียกขานกันว่าขนม
                                              เบื้องญวนสืบต่อมา
                                                    ขนมเบื้องยังถูกใช้เชื่อมโยงกับความคิดความเชื่อในเรื่องความเพียบพร้อมของ
                                              กุลสตรีไทยเคียงคู่ไปกับขนมไทยโบราณว่า หญิงไทยที่เพียบพร้อมนั้น ต้องท�าขนมได้
                                              แทบทุกอย่าง ซึ่งหมายรวมถึงขนมเบื้องเข้าไปด้วย หรือแม้แต่ค�าพังเพยโบราณที่กล่าว
                                              ถึงคนช่างติช่างวิจารณ์ว่า “อย่าละเลงขนมเบื้องด้วยปาก” อันเกี่ยวเนื่องกับการท�าแป้ง

                                              ขนมเบื้อง ว่าต้องละเลงแป้งให้บางและกรอบ ด้วยฝีมือของกุลสตรี ใช่แต่จะวิจารณ์อยู่
                                              อย่างเดียว ความคิดความเชื่อเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สะท้อนการเชื่อมโยงมิติทางสังคมและ
                                              ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในอดีตกาลไว้อย่างผสมกลมกลืน สะท้อนทั้งประวัติศาสตร์
                                              รวมถึงปัจจัยทางวัฒนธรรมในมิติต่างๆ ที่ในอดีตที่มีการตกทอดสั่งสมอยู่ในขนมเบื้อง
                                              และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวเนื่องในทุกส่วน

                                                    จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ขนมเบื้อง จึงได้รับการประกาศขึ้นบัญชีเป็น
                                              มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ในสาขาความรู้และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับ
                                              ธรรมชาติและจักรวาล ประเภทอาหารและโภชนาการ จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
                                              กระทรวงวัฒนธรรม โดยมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมนั้น มุ่งเน้นถึงคุณค่า
                                              ทางภูมิปัญญาในแทบทุกด้านที่เกิดขึ้นและคงอยู่เคียงข้างผู้คนที่สรรค์สร้างขึ้นมาอย่าง
                                              ไม่เคยแยกจาก และยังถ่ายทอดไปสู่คนอีกหลายต่อหลายรุ่นอย่างงดงามและเปี่ยมค่า

                                              ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวตนและความรู้สึกสืบเนื่อง จนเกิดเป็นความเคารพ
                                              ในความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์

                                                                                               เมษายน - มิถุนายน ๒๕๖๑  61
   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68