Page 44 - E-Book Culture 02_20182
P. 44

กระดาษและไม้ไผ่สีสุก ผสานกับภูมิปัญญาสร้างสรรค์ การต่อสู้     ด้วยการต่อสู้ของจุฬา ปักเป้า มีกติกาการแข่งขันที่ยุติธรรม
          อันแหลมคมของบรรพบุรุษไทย จะสร้างสีสันความสนุกเร้าใจ  จึงเป็นการต่อสู้กันบนฟากฟ้าที่ออกรสออกชาติ ท�าให้คนดูหรือ
          ได้ถึงเพียงนี้                                       กองเชียร์ที่มีส่วนได้เสีย มีความสนุกสนาน ในอดีตจึงมีผู้คน
                                                               นับพันไปชุมนุมชมกันที่เส้นกลางแบ่งแดนจุฬา-ปักเป้า มากมาย
          จุฬา ปักเป้า เอาชนะกันอย่างไร                        การเล่นว่าวจุฬาและปักเป้าจึงได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้านาย

             สมรภูมิของ จุฬา ปักเป้า แบ่งออกเป็นสองฟาก คือ ฟาก  ชั้นสูง ไม่ผิดกับการอุปถัมภ์คณะละครส่วนตัวของเจ้านาย
          ว่าวจุฬา และฟากว่าวปักเป้า ว่าวจุฬา เป็นว่าวรูปดาวห้าแฉก  ในสมัยก่อน เมื่อถึงฤดูกาลเล่นว่าว ก็ยกวังกันออกไปประชันว่าว
          หรือมะเฟืองผ่าฝาน ขนาดใหญ่ ส่วนว่าวปักเป้า เป็นว่าวรูป  เอาเงินพนันเอารางวัลกันอย่างเอิกเกริก
          สี่เหลี่ยมคล้ายขนมเปียกปูนมีขนาดเล็กกว่าว่าวจุฬามาก มีการ
          เปรียบเทียบว่าว่าวจุฬาคือ ผู้ชาย และว่าวปักเป้าเป็นผู้หญิง  ว่าวไทย ต่างชนิด หลากภูมิสถาน หลายภูมิปัญญา

          เพราะรูปร่างที่ใหญ่กว่ากันมาก แม้กระทั่งลีลาและเรี่ยวแรงการ     “ว่าว” ในภาษามอญแปลว่าหนาว “ลมว่าว” จึงหมายถึง
          ต่อสู้ ว่าวจุฬาก็จะเป็นฝ่ายพุ่งเข้าใส่อย่างหนักแน่นด้วยน�้าหนัก  ลมหนาวที่พัดจากทิศเหนือไปทิศใต้ในต้นฤดูหนาว ระหว่างเดือน
          ล�าหักล�าโค่น ส่วนว่าวปักเป้านั้นมักจะใช้ลีลา ยั่วเย้า ล่อหลอก  กันยายน - พฤศจิกายน เป็นระยะที่เก็บเกี่ยวข้าวเบา บางที่เรียก
          และหลบหลีก สู้พลางถอยพลาง เหมือนลีลาการจีบกันของผู้ชาย  ว่า “ลมข้าวเบา” (ซึ่งเป็นระยะมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ

          ผู้หญิง แต่ต่างมีอาวุธร้ายแรงเท่าเทียมกันคนละอย่าง ปักเป้า มี  พัดปกคลุมประเทศไทย น�าพาความหนาวเย็นจากภาคใต้ของจีน
          เหนียงเป็นเส้นเชือกผูกโยงตกท้องช้างใต้คอซุงเป็นบ่วงไว้ ผู้ชัก  สู่ไทย) ส่วนลมที่พัดจากอ่าวไทยขึ้นมาตามที่ราบลุ่มแม่น�้า
          ว่าวปักเป้าจะตั้งใจชักให้เหนียงนี้เป็นเป้าล่อให้ว่าวจุฬาพุ่งเข้าไป  เจ้าพระยา จากทิศใต้ไปทิศเหนือในฤดูร้อน ระหว่างเดือน
          ติด ถ้าแฉกใดแฉกหนึ่งในห้าแฉกของว่าวจุฬาพุ่งเข้าไปติดเหนียง  กุมภาพันธ์ - เมษายน เรียกว่า “ลมตะเภา” (ซึ่งเป็นระยะที่มรสุม
          ว่าวจุฬาก็จะติดไปไม่ออก เหมือนปลาที่ติดตาข่าย จะเสียการ  ตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย) คนไทยนิยมเล่นว่าว
          ทรงตัวพุ่งตกลงดินอย่างเดียว คนชักว่าวปักเป้าเก่งๆ ไม่เพียง  กันในหน้าหนาว เพราะลมแรง สามารถส่งว่าวให้ลอยขึ้นไปใน

          แต่จะชักให้เหนียงเป็นเป้าล่อให้จุฬาผิดพลาดเข้าไปติด ยัง  อากาศได้เกือบทั้งวัน ยกเว้นแต่ที่ท้องสนามหลวง จะมีการเล่น
          สามารถชักให้ว่าวปักเป้าเอาเหนียงไปไล่ครอบหัวว่าวจุฬาได้  ว่าวในเฉพาะฤดูร้อนเท่านั้น เพราะลมจะพัดว่าวไปทางสะพาน
          อีกด้วย ส่วนว่าวจุฬาก็จะมีจ�าปาสามดอกติดเรียงไว้ใกล้คอซุง  พระปิ่นเกล้าฯ หากเล่นในฤดูหนาว ว่าวอาจลอยไปติดยอด
          เป็นอาวุธ จ�าปาจะท�าหน้าที่เป็นตะขอเกี่ยวเชือก หาง หรือ  ปราสาทราชมณเฑียรได้ ซึ่งรัชกาลที่ ๔ เคยทรงห้ามเอาไว้ ส่วน
          ตัวว่าวปักเป้าเอาไว้ ถ้าเกี่ยวได้ก็จะท�าให้ว่าวปักเป้าเสียการ  ในชนบททั้งภาคเหนือและอีสานยังนิยมเล่นว่าวในหน้าหนาว

          ทรงตัวตกลูกเดียวเหมือนกัน พอเกี่ยวปักเป้าติด ว่าวจุฬาก็จะดึง  ผู้ที่เล่นว่าวดุ๊ยดุ่ยสามารถปล่อยว่าวไว้ตลอดทั้งคืนโดยที่ว่าว
          ตัวเองกลับแดนอย่างเต็มแรง พาเอาว่าวปักเป้าที่ถูกเกี่ยวติดจ�าปา  ไม่ตกลงสู่พื้นเลย เสียงว่าวดุ๊ยดุ่ยจะดังไปตามจังหวะลม ผสมเป็น
          ติดตัวกลับมาด้วย แม้ปักเป้าจะพยายามชักว่าวลงอย่างเต็มที่  เสียงดนตรีธรรมชาติไพเราะยิ่งนัก ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นว่าว่าวไทย
          ก็จะสู้แรงดึงของจุฬาไม่ได้                           ในแต่ละภาคยังมีส�าเนียงที่แตกต่างกันอีกด้วย
              สรุปก็คือ จุฬาก็จะพยายามชักว่าวให้จ�าปาของตัวไปคว้า     ว่าวมีรูปแบบแตกต่างกันตามแต่ละท้องถิ่น แต่ที่นิยม
          ตัวว่าวปักเป้าส่วนหนึ่งส่วนใดให้ได้ และปักเป้าก็จะพยายามชักว่าว  เล่นกันในทุ่งราบภาคกลาง ก็คือ ว่าวดุ๊ยดุ่ย ว่าวอีแพรด ว่าวอีลุ้ม

          ให้เหนียงของตัวเองไปรัดส่วนหนึ่งส่วนใดของตัวว่าวจุฬาให้ได้  ว่าวงู ว่าวนกยูง ว่าวผีเสื้อ เป็นต้น ส่วนภาคเหนือและภาคอีสาน
          ถ้าฝ่ายใดเพลี่ยงพล�้าไปตกอยู่ในอาวุธร้ายของคู่ต่อสู้ก็จะเกิด  นิยมเล่นว่าวสองห้อง หรือที่ภาคกลางเรียกว่า ว่าวดุ๊ยดุ่ย (คล้าย
          อาการควบคุมการลอยตัวไม่ได้ ไปต่อไม่ออก ตั้งท่าจะตกลงจาก  ว่าวจุฬา ต่างกันที่ว่าวดุ๊ยดุ่ย มีปีกขนาดเล็กแทนขากบของว่าว
          ฟ้าอย่างเดียว ว่าวจุฬาตัวใหญ่อาจใช้คนวิ่งรอกเป็นสิบ แต่ว่าว  จุฬา ส่วนหัวมักจะผูกธนูหรือสะนู ทางภาคใต้เรียกว่าแอก ท�าให้
          ปักเป้าใช้เพียงแค่ ๒ คนเท่านั้น                      เกิดเสียงดังกังวาน ว่าวอีลุ้ม (หรือว่าวอีลุ่ม คล้ายว่าวปักเป้า



     42
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49