Page 46 - E-Book Culture 02_20182
P. 46
ศรีสัชนาลัยได้ร่วมใจกันอนุรักษ์ว่าวพระร่วง-พระลือ มาจนถึง ตีเมือง แม่ทัพนายกองได้คิดอุบายเผาเมือง โดยใช้หม้อดินบรรจุ
ทุกวันนี้ ดินด�าผูกสายป่านว่าวจุฬา ชักข้ามก�าแพงเมืองเข้าไป ให้เกิด
ในสมัยอยุธยา สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ มีกฎ ระเบิดตกไปไหม้บ้านเมือง ราษฎรระส�่าระสาย จึงเข้าตีเมืองได้
มณเฑียรบาล ห้ามไม่ให้ผู้ใดเล่นว่าวข้ามพระราชวัง และในรัชสมัย ส�าเร็จ จากประวัติศาสตร์ตอนนี้ปรากฏชื่อ ว่าวจุฬา เป็นครั้งแรก
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จดหมายเหตุของลาลูแบร์ราชทูต ในสมัยแผ่นดินของพระพุทธเจ้าเสือ นอกจากจะโปรดการชกมวยแล้ว
ฝรั่งเศส บันทึกไว้สรุปได้ใจความว่า “การเล่นว่าวในเมืองไทย ยังโปรดการเล่นว่าวจุฬา-ปักเป้ากับข้าราชบริพารเสมอๆ ค�าว่า
เป็นการเล่นเพื่อสนุกสนานและเป็นที่นิยมกันในหมู่เจ้านายและ “ว่าวปักเป้า” จึงเป็นว่าวอีกชนิดหนึ่งที่ปรากฎชื่อขึ้นในสมัยนี้
ขุนนาง ว่าวของสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามปรากในท้องฟ้าของ ในสมัยรัตนโกสินทร์ ว่าวยังคงเป็นการละเล่นยอดนิยม
ทุกเดือน ตลอดระยะเวลา ๒ เดือน ของฤดูหนาว และทรงแต่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ และสมเด็จ
ตั้งขุนนาง (ราชเสวก) ให้คอยผลัดเปลี่ยนเวรกันถือสายป่าน กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ พระอนุชาธิราช ทรงโปรด
ไว้” บาทหลวงตาชาร์ด บันทึกไว้ว่า “ว่าวเป็นกีฬาที่เล่นกันทั่วไป การทรงว่าวมาก ดังมีค�ากล่าวคล้องจองกันว่า “วังหลวงทรงจุฬา
ในหมู่ชาวสยามที่ทะเลชุบศรและที่เมืองลพบุรี ขณะที่สมเด็จ วังหน้าทรงปักเป้า”
พระนารายณ์มหาราชเสด็จประทับอยู่นั้น ในเวลากลางคืนรอบ ในรัชกาลที่ ๔ มีผู้นิยมเล่นว่าวกันมาก จนทางการต้อง
พระราชนิเวศน์จะมีว่าวรูปต่างๆ ลอยอยู่ ว่าวนี้ติดโคมส่อง ออกประกาศใน จ.ศ. ๑๒๑๗ (พ.ศ. ๒๓๙๘) ให้ระมัดระวังการ
สว่างและลูกกระพรวนส่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋ง” เล่นว่าว มิให้สายป่านไปต้องช่อฟ้า ใบระกา ของปราสาทราชวัง
ในรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา ยังได้ใช้ว่าวในการสงคราม และวัดต่างๆ เป็นอันขาดในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระ
อีกด้วย เมื่อครั้งที่พระองค์ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ถือได้ว่าเป็นยุคทองของการ
เจ้าเมืองนครราชสีมา มิยอมสวามิภักดิ์ จึงโปรดให้ยกกองทัพไป เล่นว่าวไทย ด้วยทรงโปรดกีฬาว่าวเป็นอันมาก โปรดเกล้าฯ ให้
ว่าวดุ๊ยดุ่ยตัวใหญ่ ต้องใช้หลายคนช่วยส่งขึ้นฟ้า
44