Page 55 - Culture4-2017 วารสารวัฒนธรรม ปีที่ ๕๖ ฉบับที่ ๔ ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๖๐
P. 55
๕. เวลาการแข่งขัน รอบแรก ๔ นาที รอบที่ ๒ เวลา ๕ นาที
และรอบชิงชนะเลิศ ๖ นาที
๖. โพนเสียงทุ้มตียืน (ซ้ายขวาสลับสม�่าเสมอ) เสียงแหลม
ตีขัด (ความถี่มากกว่า จังหวะแบบใดอิสระ)
๗. หากมีปัญหาให้อยู่ในดุลยพินิจของกรรมการ การตัดสิน
ของกรรมการถือเป็นสิ้นสุด
ฉลองบอกว่าทุกครั้งที่เข้าแข่งเขาจะส่งโพนเข้าร่วมประมาณ
สิบลูก มีทั้งโพนเสียงทุ้มและเสียงแหลม โพนที่ใช้แข่งนั้นความยาก
คือการปรับแต่งเสียง ในช่วงแข่งขันจึงต้องท�างานกันเป็นทีม มีครูฝึก
คนปรับแต่งโพนซึ่งต้องตามดูตลอดการแข่งขัน นับเป็นงานใหญ่
ที่ต้องรวมผู้คนมาร่วมด้วยช่วยกัน ก่อนขึ้นเวทีประกบคู่จะไม่มีทางรู้
เลยว่าโพนของคู่แข่งจะให้เสียงแบบไหน ด้วยเหตุนี้จึงจ�าเป็นต้อง
ส่งโพนหลายใบเป็นการวางกลยุทธ์ในการแข่งขันเพื่อจะจับทางโพน
ของคู่ต่อสู้ การแข่งขันจะเป็นแบบแพ้คัดออก สู้กันไปจนเหลือโพน
คู่สุดท้ายและเหลือหนึ่งเดียวคือผู้ชนะ
เย็นวันนั้นโพนสองใบจัดวางเคียงคู่กัน จ�าลองการแข่งขัน
๓ ให้ผู้มาเยือนได้เห็น เสียงโพนฟังดูเสมือนเสียงที่ดิบกร้าน ตรงไปตรงมา
สมกับพื้นฐานที่ถูกออกแบบมาเป็นเสมือนเครื่องตีส่งสัญญาณที่
ต้องการให้เสียงเดินทางไปได้ไกล เพราะในอดีตบ้านเรือนแต่ละหลัง
การแข่งโพน แบ่งเป็น ๒ อย่างคือ อาจอยู่ห่างจากศูนย์กลางส�าคัญเช่นวัด เมื่อจะท�าการใด ๆ หรือเมื่อเกิด
๑. การแข่งขันมือ (ตีทน) การแข่งขันแบบนี้ไม่ค่อยนิยมเพราะ เรื่องฉุกเฉินส�าคัญ การจะแจ้งให้ทุกบ้านทราบในเวลารวดเร็วเห็นจะ
ต้องใช้เวลานาน แข่งขันจนผู้ตีมืออ่อนหรือผู้ตีหมดแรงจึงตัดสินได้ เป็นไปไม่ได้ การใช้โพนตีเพื่อส่งสัญญาณจึงเกิดขึ้น “ถ้าเงียบจริง ๆ นี่
๒. การแข่งเสียง การแข่งแบบนี้เป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน เสียงโพนดี ๆ ลูกหนึ่งดังไกลไปหลายกิโล” ฉลองกล่าว
เพราะใช้เวลาสั้น ๆ ก็สามารถคัดเลือกคนชนะได้
การแข่งโพนส่วนมากจะเริ่มในปลายเดือน ๑๐ และสิ้นสุด ยุคสมัยที่แปรเปลี่ยนการแข่งขันตีโพนก็มีรายละเอียด
ในวันแรม ๑ ค�่า เดือน ๑๑ นิยมแข่งขันในเวลากลางคืน ถ้าหากมีโพน ที่ปรับไปบ้าง รวมทั้งความนิยมของเยาวชนก็มิได้มีมากเฉกเช่น
หลายคู่ การแข่งขันจัดเป็นคู่ ๆ แต่ละฝ่ายใช้ผู้ตีเพียงคนเดียว โดยเริ่มจาก ในอดีต แรกเริ่มเดิมทีค่ายโพนของฉลองเคยมีเด็ก ๆ มาฝึก
การตีลองเสียงว่าโพนใบไหนเสียงใหญ่ และใบไหนเสียงเล็ก กรรมการ ตีโพนมากถึงยี่สิบกว่าคน ปัจจุบันนี้มีเพียงสิบคนที่หมุนเวียน
จัดไว้เป็น ๒ ชุด ส�าหรับควบคุมมิให้ผู้แข่งขันเปลี่ยนคนตีชุดหนึ่ง และเป็น กันมา แต่สิ่งที่มิได้เปลี่ยนแปลงไปเลยคือ ความทุ่มเทของ
กรรมการฟังเสียง ซึ่งมีราว ๓-๕ คนอีกชุดหนึ่ง กรรมการชุดหลังจะอยู่ห่าง นักสร้างโพนแห่งค่ายป่ายางหูเย็นยังคงเข้มข้นเฉกเช่นเดิม
จากที่ตีไม่ต�่ากว่า ๑๕๐ เมตร เพื่อฟังเสียงและตัดสินโพนลูกดังกล่าวกัน ทุก ๆ ปียังคงส่งโพนเข้าแข่งขัน สร้างมือตีโพน สร้างโพนลูกแล้ว
กติกาการแข่งขันโพน ลูกเล่าทั้งโพนแข่ง โพนถวายวัด รวมทั้งซ่อมแซมปรับแต่งเสียง
๑. โพนที่ส่งเข้าแข่งขันต้องส่งในนามของวัดใดวัดหนึ่งเท่านั้น ให้กับโพนมากมายที่เดินทางมาอยู่ในมือของช่างโพนที่ชื่อว่า
๒. วัดหนึ่งจะส่งโพนเข้าแข่งขันกี่ใบก็ได้ ฉลอง นุ่มเรือง
๓. แข่งแบบแพ้คัดออกโดยจับฉลากทีละคู่
๔. หากคะแนนเสมอให้เข้ารอบต่อไปทั้งคู่ รอบสุดท้ายแข่ง ขอบคุณ ฉลอง นุ่มเรือง ค่ายโพนป่ายางหูเย็น ต�าบลปรางหมู่
จนแพ้ในเวลาที่จ�ากัด อ�าเภอเมือง จังหวัดพัทลุง
ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๐ 53