Page 44 - Culture4-2017 วารสารวัฒนธรรม ปีที่ ๕๖ ฉบับที่ ๔ ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๖๐
P. 44

เปรียบเทียบเรื่องราวหลากส�านวน

              พระสุธน-มโนราห์แต่ละส�านวนมีชื่อตัวละคร ชื่อเมือง และ
          รายละเอียดเหตุการณ์ปลีกย่อยแตกต่างกันออกไป เช่น พระสุธน-
          มโนราห์ส�านวนภาคใต้ ตรงกับสุธนชาดกของภาคเหนือ คือ
          นางมโนราห์เป็นพี่องค์โต ส�านวนอื่น ๆ มักเป็นน้องสุดท้อง ส่วน
          พรานบุญ ส�านวนภาคใต้ใช้ชื่อ พรานบุญทฤกษา ส่วนสุธนชาดก
          ใช้ชื่อ พรานบุณฑริก และชื่อเมืองปัญจาในส�านวนภาคใต้คือ
          เมืองปัญจาละในสุธนชาดก เป็นต้น
              ตัวอย่างส�านวนจาก มโนราหรานิบาต ฉบับวัดมิชฌิมาวาส
          จังหวัดสงขลา เริ่มที่ท้าวอาทิตย์วงศ์และนางจันทาเทวีแห่งเมือง
          ปัญจา มีพระโอรสคือพระสุธน เมืองนี้มีความสุขร่มเย็นเพราะ

          สักการะพญานาคท้าวชมพูจิตรเป็นประจ�า ต่างกับเพื่อนบ้านคือ
          เมืองมหาปัญจาที่มีแต่ความเดือดร้อน เจ้าเมืองมหาปัญจาอิจฉา
          จึงคิดฆ่าพญานาคท้าวชมพูจิตรโดยให้พราหมณ์ร่ายเวทมนตร์ แต่
          มิส�าเร็จเพราะพรานบุญขัดขวางไว้ พญานาคจึงตอบแทนพรานบุญ   ๑                          ๒
          บอกเรื่องนางมโนราห์ และให้พรานบุญยืมนาคบาศไปคล้องเอา
          นางมโนราห์เพื่อไปถวายให้พระสุธน
              ส่วนสุธนชาดกเริ่มความว่า ท้าวอาทิจจวงศ์แห่งอุดรปัญจาล
          มีมเหสีนามว่า จันทเทวี ต่อมาพระโพธิสัตว์ได้จุติลงมาสู่ครรภ์ของ เล็กน้อยในส�านวนต่าง ๆ เช่น มโนราหรานิบาต ฉบับของสงขลาว่า
          นางจันทเทวี เมื่อประสูติปรากฏมีขุมทองผุดขึ้นทั้งสี่ทิศ จึงให้นามว่า   พระสุธนกับนางมโนราห์แต่งงานอยู่กินกันมีความสุข จนกระทั่ง
          สุธน และภายในเมืองมีสระใหญ่ใต้สระนั้นเป็นที่อยู่ของพญานาค  พระสุธนต้องออกรบ พราหมณ์ปุโรหิตของเมืองระแวงว่าพระสุธน
          ชื่อ ชมพูจิตร ซึ่งคอยบันดาลให้บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์  จะถอดยศตนจึงแอบไปสมคบกับข้าศึกให้ยกทัพมาตีเมืองปัญจา
              ถ้าไปฟังส�านวนภาคอีสานเรื่องท้าวสีธน อาจพบค�าผู้เฒ่า  ช่วงนั้นนางจันทาเทวีฝันร้าย พราหมณ์ปุโรหิตทูลให้นางท�าพิธี
          เพิ่นว่า ธนมโนราห์ สีธามโนรน แล้วจึงเล่าเข้าเรื่องท้าวอาทิตย์  สะเดาะเคราะห์ด้วยการบูชายัญนางมโนราห์ นางมโนราห์จึงหา
          ครองเมืองปัญจา มีมเหสีชื่อ จันทรา ราชกุมารชื่อ สีธน (พระสุธน)  ทางรอดด้วยการขอปีกและหางเพื่อร�าถวายเป็นครั้งสุดท้าย

          คนเก่งกล้าวิชา ราษฎรอยู่ดีกินดี พืชผลบริบูรณ์มิได้คลาดแคลน   แล้วบินหนีไปพร้อมกับฝากแหวนและต�ารายาแก้พิษต่าง ๆ ไว้กับ
          อยู่มาวันหนึ่งพรานบุญ ชาวเมืองปัญจาได้เข้าไปหาล่าสัตว์ในป่าแถบ พระกัสสปฤษีเพื่อมอบแก่พระสุธน เมื่อพระสุธนชนะศึกกลับมา
          สระอโนดาต ได้พบกินรีพี่น้อง ๗ นางก�าลังเล่นน�้าอยู่จึงใช้บ่วงคล้อง รู้เรื่องจึงออกเดินทางไปตามนางมโนราห์กลับ ใช้เวลาถึง ๗ ปี ๗ เดือน
          จับมาได้หนึ่งนางเป็นน้องนุชสุดท้อง คือ นางมโนราห์ นั่นเอง ฝ่ายพี่ ๆ   จึงประสบความส�าเร็จ
          ตกใจกลัวบินหนีกระเจิงให้วุ่น หน้าตาของนางสวยสดงดงามหาใด  ขณะที่ในสุธนชาดก เมื่อน�ามาเปรียบเทียบกับสุธนกุมาราวทาน
          เทียบทานได้ พรานบุญจึงไปน�าถวายท้าวสีธน...          ด�าเนินความเหตุที่มโนราห์ต้องบินหนีกลับบ้านไม่ต่างกันว่า พระสุธน
              ที่กล่าวไปข้างต้นเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าการด�าเนินเรื่องหลัก  ได้สัญญาแก่พราหมณ์ที่รับใช้ว่าจะให้เป็นปุโรหิตเมื่อพระองค์
          ไม่แตกต่างกันมากนัก ตอนกลางเรื่องและตอนท้ายมีแตกต่างกันบ้าง ขึ้นครองราชย์ ท�าให้ปุโรหิตที่ด�ารงต�าแหน่งอยู่โกรธและคิดพยาบาท


          ภาพ ๑ หลังจากนางมโนราห์สามารถหนีออกจากพิธีบูชายัญได้แล้ว จึงได้ฝากแหวนและต�ารายาแก้พิษไว้กับพระฤษี (ภาพจิตรกรรมในกรอบ พระอุโบสถ วัดสุทัศน์ฯ)
          ภาพ ๒ พระสุธนถอดแหวนใส่หม้อน�้าที่นางกินรีมาตักไปรดนางมโนราห์ จึงท�าให้รู้ว่าพระสุธนติดตามมาถึงแล้ว (ภาพจิตรกรรมในกรอบ พระอุโบสถ วัดสุทัศน์ฯ)
          ภาพ ๓ ภาพตอนพระสุธนออกเดินป่าตามหานางมโนราห์นานถึง ๗ ปี ๗ เดือน สมค�าอธิษฐานของนางเมรีว่า ชาติหน้าขอให้พี่ตามน้องไป (ภาพจิตรกรรม
          ในพระอุโบสถ วัดเขียน อ่างทอง)


          42
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49