Page 105 - CultureMag2015-3
P. 105

สุริยเทวบุตรถูกอสุรินทราหูจับ ด้วยมีเหตุเคียดแค้นกันมา                   ความเชื่อด้ังเดิมที่ว่ากบหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ต่อมา 
แต่ชาติปางก่อน จึงพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ เชตวัน                    เม่ือรับคติฮินดูเข้ามาจึงรับเอาวรรณกรรมและมุขปาฐะเรื่อง
มหาวิหาร เพื่อขอพระองค์เป็นท่ีพ่ึง  พระองค์จึงตรัสให้                    ราหูอมจันทร์เข้ามา เมื่อผสมผสานกับความเช่ือแบบพุทธ 
อสุรินทราหูปล่อยท้ังสององค์เสีย อสุรินทราหูจึงยอมปล่อย                   ก็ท�ำให้ทัศนคติของคนพื้นเมืองเปลี่ยนไป โดยก�ำหนดให้กบ
เพราะกลวั วา่ ศรี ษะของตนจะแตกเปน็ เจด็ เสย่ี ง และชวี ติ จะไม่          เปน็ ราหเู ปน็ เทพฝา่ ยอธรรม และเดอื นหรอื พระจนั ทรเ์ ปน็ เทพ
ได้รับความสุข  ส่วนในคัมภีร์ทางล้านนากล่าวว่า เม่ือราหูยัง               ฝา่ ยธรรมแทน
ไมไ่ ดฟ้ งั ธรรมเทศนาของพระพทุ ธเจา้  กม็ กั จะกลนื กนิ เทวบตุ ร
ทั้งสองเสมอ ต่อเมื่อได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้าจึงไม่ได้กลืนกิน                       จะเห็นได้ว่าคติความเชื่อในเร่ืองของหน้ากาลหรือ
อีก ได้แต่เอาฝ่ามือดึงคางมาทับทรวงอก แล้วแลบล้ินเลียอยู่                 เกียรติมุข และราหูตามแบบศาสนาฮินดูและพุทธศาสนาใน
เท่านั้น                                                                 อษุ าคเนย ์ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ อทิ ธพิ ลวฒั นธรรมอนิ เดยี ทก่ี ระจาย
                                                                         ไปอยา่ งกวา้ งขวาง 
       หลายต�ำนานทเี่ กยี่ วกับราหูมกั กลา่ วว่าราหูเป็นอสรู
ดังนั้นรูปแบบทางศิลปกรรมของราหูจึงมีหน้าเป็นอสูรหรือ                            และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชนพื้นเมืองใน
ยักษ์  ส่วนต�ำนานที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย คือการท่ีราหูถูกตัด
ออกเป็นสองท่อน  ดังนั้นราหูในศิลปะไทยจึงมีหน้าเป็นยักษ์                  อุษาคเนยต์ ราบจนถึงทกุ วนั น้ี  
มงกุฎและเคร่ืองทรงก็เป็นแบบของฝ่ายยักษ์ สีกายมีทั้งสีเน้ือ
และสเี ขยี ว หากทำ� ครง่ึ ทอ่ น นยิ มแสดงใหเ้ หน็ เฉพาะสว่ นแขน
และมือ บางครั้งมีล�ำตัวท่อนบนปรากฏให้เห็นบ้าง  รูปแบบ
ทางศิลปกรรมของราหูจึงไปคล้ายกับหน้ากาลหรือเกียรติมุข
ซึง่ เปน็ อสรู หนา้ ยกั ษ์เชน่ กัน

กบกนิ เดือน                                                              บรรณานกุ รม
                                                                         กิตติ์ธนัตถ์ ญาณพิสิษฐ์. “‘กบกินเดือน’ ในฮูปแต้มเมืองขอนแก่น 
       ความเช่ือเรื่องกบกินเดือนคงเป็นความเชื่อพื้นเมือง                 	 และมหาสารคาม.” เมอื งโบราณ ปที  ่ี ๓๙ ฉบบั ท ี่ ๓ (กรกฎาคม – 
ด้ังเดิมของชนชาติไทก่อนที่เรื่องราหูของอินเดียจะแพร่เข้ามา               	 กันยายน ๒๕๕๖).
เพราะคนไทในเวยี ดนาม ลาว จีน พม่า และไทย มคี วามเชือ่                    ขนิษฐา มากทวี. คติความเชื่อเร่ืองพระราหูในวัฒนธรรมลาวในภาค
เรื่องกบกินเดือน โดยก�ำหนดให้กบเป็นความหมายของเทพ                        	 ตะวันออกเฉียงเหนือ. การค้นคว้าอิสระหลักสูตรปริญญา 
ฝ่ายธรรมและเดือนเป็นเทพฝ่ายอธรรม (ผู้ลักขโมย) ดัง                        	 ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ 
ปรากฏในวรรณกรรมอีสานว่าชายผู้หนึ่งได้ไปพบเปลือกไม้                       	 บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๓
วเิ ศษ ซงึ่ หากนำ� มาเคยี้ วแลว้ พน่ ใสส่ ตั วท์ ต่ี ายแลว้ กจ็ ะสามารถ  ธรี ภาพ โลหติ กุล. มนตราอาเซยี น. กรงุ เทพฯ : มติชน, ๒๕๕๖.
ฟื้นข้ึนมาได้  ต่อมาได้ถูกพระจันทร์ขโมยไป กบตัวหนึ่งซึ่ง                 พลอยชมพู ยามะเพวัน. พัฒนาการจากหน้ากาลมาเป็นราหูในสมัย
ชายคนนน้ั เคยชบุ ชวี ติ ใหจ้ งึ อาสาไปตดิ ตามนำ� ยามาคนื ให ้ แต่        	 รัตนโกสินทร์. การค้นคว้าอิสระหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตร- 
พอกบเข้าไปใกล้พระจันทร์เม่ือใด ชาวบ้านนึกว่ากบจะกิน                      	 มหาบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย 
พระจันทร์ เลยพากันตีฆ้องกลองช่วยพระจันทร์ กบจึงไม่                       	 มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร ปีการศึกษา ๒๕๕๔.
สามารถน�ำยากลับมาคืนได้ แต่กบก็ยังพยายามอยู่ตลอดมา                       มลู นธิ สิ ารานกุ รมวฒั นธรรมไทย. สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคเหนอื
                                                                         	 เลม่  ๑๑. กรุงเทพฯ : ธนาคารไทยพาณชิ ย,์  ๒๕๔๒. 
       การก�ำหนดให้กบเป็นเทพฝ่ายดีก็เน่ืองมาจาก                          สมิทธิ ศิริภัทร์ และ มยุรี วีระประเสริฐ. ทับหลัง. กรุงเทพฯ : กรม 
                                                                         	 ศลิ ปากรและธนาคารไทยพาณชิ ย,์  ๒๕๓๒.
                                                                         อ รุ ณ ศั ก ดิ์   กิ่ ง ม ณี .   ทิ พ ย นิ ย า ย จ า ก ป ร า ส า ท หิ น .   ก รุ ง เ ท พ ฯ   : 
                                                                         	 เมืองโบราณ, ๒๕๕๕.

                                                                          กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๘ 103
   100   101   102   103   104   105   106   107   108   109   110