Page 66 - CultureMag2015-1
P. 66
สเี ขยี วสดของพมุ่ ใบท้ังออ่ นแก ่ หรอื จะหอ่ ดว้ ยใบทองหลำง ก็ ขณะเดียวกันกำรช่วยกันทำ� และช่วยกันกินเมีย่ งค�ำ
จะไดเ้ มย่ี งคำ� รสมนั อรอ่ ยไมแ่ พช้ ะพล ู ชำวสวนเมอื งนนทย์ คุ ยังถือเป็นกำรแสดงควำมกตัญญูต่อปู่ย่ำตำยำยทีท่ ่ำนคิดค้น
ก่อนนิยมปลูกทองหลำงเป็นไม้เกื้อกูล (พี่เลี้ยง) คู่กับทเุ รียน และสืบทอดเมีย่ งค�ำมำให้เรำจนถึงทุกวันนี้ เพื่อให้เรำท�ำ
เพรำะจะใหร้ ม่ เงำเมอ่ื ตน้ ทเุ รยี นยงั เลก็ และคอยท้งิ ใบรว่ งหลน่ หน้ำทีส่ ่งต่อให้ลูกหลำนรุ่นต่อๆ ไป นับเป็นควำมสัมพันธ์
ลงสู่ท้องร่องสวน ผุพังกลำยเป็นปุ๋ยอันโอชะของไม้ผล ส่วน ระหว่ำงมนุษย์กับบรรพบุรุษทลี่ ่วงลับไปแล้ว อันกลำยเป็น
เครือ่ งของเมีย่ งค�ำ ทัง้ มะพร้ำว กุ้งแห้ง ถั่ว ก็เป็นของกินย่ำน อ�ำนำจเหนือธรรมชำติ
เขตทีร่ ำบใกล้ทะเลอย่ำงภำคกลำงของไทย ส่วนประกอบ
เหล่ำนี้ส�ำแดงควำมเป็นท้องถิ่นไทยทีช่ ัดเจนและสมบูรณ์ จะดีไหม ถ้ำเรำจะมำช่วยกันกินเมี่ยงค�ำ (ชนิดทเี่ สียบ
ดังไม่ปรำกฏเต้ำหู้และหัวไช้โป๊ ซึ่งคู่หูคู่นี้มักมำกับถั่วลิสง ไมก้ ย็ งั ด)ี หนำ้ จอทีว ี แทนขนมกรบุ กรอบ หรอื มนั ฝรง่ั ทอดใน
กับกุ้งแห้งในอำหำรลูกผสมอย่ำงผัดไทย (ไทย -จีน) และ ซองพลำสติก ระหว่ำงเดินทำงหรือทำ� กิจกรรมอื่นๆ เรำก็
กว๋ ยเตีย๋ วแกงหรอื “กว๋ ยเตี๋ยวแขก” (มุสลิม-จนี ) สำมำรถเคีย้ วเมีย่ งค�ำไปพลำงๆ กำรเคี้ยวละเอียดทำ� ให้ได้
รสชำติของสมุนไพรอย่ำงซึมลึกและดีต่อระบบย่อยอำหำร
ควำมสัมพนั ธร์ ะหวำ่ งมนุษย์กบั สิง่ เหนือธรรมชำติ นอกจำกนี้กำรกินเมีย่ งค�ำก็เป็นเครื่องบ่งบอกสุขภำพฟันท ี่
ทกุ วนั นเ้ี รำจะเหน็ เมย่ี งคำ� ท่ถี กู ปรบั มำเปน็ ของสำ� เรจ็ รปู แข็งแรงดว้ ย
มีทงั้ ทแี่ พ็กเป็นชุด จัดใบชะพลู มะพร้ำวคั่ว กุ้งแห้ง ถั่ว ขิง
หอมแดง พริก มะนำว และน�้ำเมี่ยงค�ำ ใส่ถุงพลำสติกไว้ มี กำรช่วยกันกินเมี่ยงค�ำมำกๆ ย่อมทำ� ให้ชำวสวนต้อง
กระทงั่ ทที่ �ำส�ำเร็จรูป คือห่อเป็นค�ำๆ รำดน�ำ้ เสียบไม้ กินได้ ปลกู ชะพลเู พม่ิ ขน้ึ และชว่ ยรกั ษำไมย้ นื ตน้ อยำ่ งทองหลำงเอำไว ้
ทันที น่คี อื ควำมยดื หยนุ่ ท่กี อ่ ผลทำงเศรษฐกจิ และสอดคลอ้ ง ไมใ่ หถ้ กู ตดั ฟนั ขณะท่ีเครอ่ื งเม่ยี งคำ� กล็ ว้ นเปน็ ผลผลติ ท่มี สี ว่ น
กับกำรใช้ชีวิตของคนปัจจุบันทตี่ ้องรีบเร่งในจังหวะของชีวิต ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรไทย ทัง้ พริก มะนำว ขิง หอมแดง
แล้วเมีย่ งค�ำจะเกี่ยวข้องกับจักรวำล หรือในมิติควำมสัมพันธ์ มะพร้ำว ของต่ำงๆ ล้วนปลูกขึ้นในบ้ำนเมืองของเรำเอง ไม่
ของมนุษย์กบั อำ� นำจเหนอื ธรรมชำติไดอ้ ย่ำงไร ? ตอ้ งขนสง่ มำจำกท่ีไกลๆ
ในทนี่ ี้อยำกเสนอว่ำเมี่ยงค�ำอำจเกีย่ วโดยอ้อมกับมิติ
ทำงจติ วญิ ญำณ เชน่ กำรทำ� เม่ยี งคำ� ดว้ ยตวั เองอำจถอื เปน็ กำร
ปฏบิ ตั ิสมำธิขน้ั พน้ื ฐำน นบั แตก่ ำรจดั เตรยี มเครอ่ื งเครำ ทท่ี กุ พูดให้ทันสมัยก็คือกำรกินเมี่ยงค�ำมีส่วนในกำร
อย่ำงต้องหัน่ ซอยอย่ำงละเอียด โดยเฉพำะกำรคั่วมะพร้ำว รกั ษำโลกใหเ้ ยน็ ลงนั่นเอง
ซึ่งเป็นงำนทต่ี ้องจัดกำรอยำ่ งมีสมำธ ิ ประณตี และใส่ใจ ท้ังใช้
เวลำมำก กำรใช้เวลำมำกนี้เองจะฝึกฝนตนเองให้ไม่ต้อง ข้อมูลประกอบกำรเขยี น
ท�ำงำนเร่งรีบแบบภำวะปัจจุบัน คือทำ� ใจทีจ่ ะไม่หวงเวลำจน ทองใบ จติ ตมงคล. รวมต�ำรบั เมี่ยง. พมิ พ์ครงั้ ที ่ ๒ กรุงเทพฯ : บริษทั
เกินไปนัก เริ่มจำกกำรหัน่ ซอยเนือ้ มะพร้ำวเป็นเส้นเล็กๆ บุญศริ กิ ำรพมิ พ์ จำ� กดั , ๒๕๔๔.
ให้ได้ขนำดสม�ำ่ เสมอ ไม่เช่นนัน้ เวลำคั่วในกระทะจะเหลือง รำชบณั ฑติ ยสถำน. พจนำนกุ รม ฉบบั รำชบณั ฑติ ยสถำน พ.ศ. ๒๕๕๔.
กรอบไม่เสมอกัน ทำ� ให้กินไม่อร่อย แล้วไหนจะต้องเพียร พิมพ์ครั้งท่ ี ๒ กรุงเทพฯ : รำชบณั ฑติ ยสถำน, ๒๕๕๖.
คั่วอย่ำงประณีตบรรจง ให้ได้ควำมกรอบโดยไม่เกรียมจน “ศรมี ำลำ” (ม.ล. ปอง มำลำกลุ ). ตำ� รบั อำหำรพเิ ศษ ลำ� ดบั ตำมบทเหเ่ รอื
เกินไปอกี ยคุ เกำ่ และใหม.่ พระนคร, ๒๔๙๗.
ศรศี กั ร วลั ลโิ ภดม. “เพ่อื ชำตภิ มู ิ : สยำมประเทศ,” จดหมำยขำ่ วมลู นธิ ิ
เล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์. ปีท ี่ ๑๕ ฉบับท ี่ ๘๗ (พฤศจิกำยน -
ธันวำคม ๒๕๕๓).
64 วฒั นธ รม