116
จึ
งไม่
น่
าแปลกใจที่
เช้
าๆ เราจะชอบกิ
นข้
าวต้
ม
หรื
อโจ๊
ก หรื
อข้
าวมั
นไก่
ที่
รั
บมาจากจี
น ตกตอนสาย เราชิ
ม
ขนมฝรั่
ง หรื
อทองหยิ
บ ทองหยอด ที่
ได้
รั
บอิ
ทธิ
พลจาก
โปรตุ
เกส กลางวั
น เรานิ
ยมขนมจี
น ข้
าวแช่
และลอดช่
อง
ของชาวมอญ ตกตอนเย็
น เปิ
บแกงกะหรี่
ไก่
ที่
เรารั
บจาก
อิ
นเดี
ย ก่
อนปิ
ดท้
ายด้
วยขนมโบ๊
กเกี้
ยของชาวจี
น
ยั
งไม่
นั
บ แหนมเนื
อง อาหารเวี
ยดนามยอดนิ
ยม
หมู
สะเต๊
ะที่
ดั
ดแปลงมาจากเนื้
อสะเต๊
ะของชาวอิ
นโดนี
เซี
ย
มาเลเซี
ย ส้
มตำ
� หรื
อตำ
�บั
กฮุ่
ง ของชาวลาว ชาวอี
สาน
ที่
กลายมาเป็
นอาหารสุ
ดฮิ
ตของคนไทยทั่
วทั้
งประเทศใน
วั
นนี้
จนกล่
าวได้
ว่
า มี
อาหารของชาวอาเซี
ยน ซึ
มแทรกอยู่
ในวั
ฒนธรรมการกิ
นอยู่
ของคนไทยมาช้
านาน อั
นเกิ
ดจาก
การเลื่
อนไหลถ่
ายเทของวั
ฒนธรรมที่
ไม่
เคยหยุ
ดนิ่
ง
ความจริ
งก่
อนที่
จะรั
บวั
ฒนธรรมอาหารจากแหล่
ง
อารยธรรมที่
รุ่
งเรื
องมาก่
อน ชาวอาเซี
ยนก็
มี
วั
ฒนธรรมการ
กิ
นอยู่
ร่
วมกั
นมานานกว่
าพั
นปี
แล้
ว จากหลั
กฐานที่
ชาว
อาเซี
ยนทั้
งหมดกิ
นข้
าวเป็
นอาหารหลั
ก โดยมี
กั
บข้
าวเป็
นของ
ประเภท “เน่
าแล้
วอร่
อย” อั
นได้
แก่
ปลาร้
า ปลาแดก กะปิ
น้ำ
�ปลา ถั่
วเน่
า น้
ำ
�ปู๋
น้ำ
�บู
ดู
ฯลฯ (สุ
จิ
ตต์
วงษ์
เทศ จาก
บทความ “วั
ฒนธรรมร่
วมในอุ
ษาคเนย์
รากเหง้
าเก่
าแก่
ของ
ประชาคมอาเซี
ยน”)
ตราบจนวั
นนี้
ไม่
ว่
าเราจะไปหลงใหลได้
ปลื้
มเมนู
เด็
ดของฝรั่
ง แขก จี
น เพี
ยงใด แต่
ชาวอาเซี
ยนยั
งคงต้
องมี
ของ “เน่
าแล้
วอร่
อย” เป็
นตั
วยื
นพื้
นที่
ช่
วยชู
รสให้
เจริ
ญอาหาร
อยู่
เสมอ
“...มั
สมั
่
นแกงแก้
วตา หอมยี
่
หร่
ารสร้
อนแรง
ชายใดได้
กลื
นแกง แรงอยากให้
ใฝ่
ฝั
นหา...”
(กาพย์
เห่
เรื
อ
ชมเครื่
องคาวหวาน พระราชนิ
พนธ์
ในล้
นเกล้
า รั
ชกาลที่
๒)
เมื่
อ “แกงมั
สมั่
น” ของไทยครองอั
นดั
บ ๑ จากการ
โหวตผ่
านเฟซบุ๊
กโพล โดยซี
เอ็
นเอ็
นโก ให้
เป็
นอาหารที่
อร่
อย
ที่
สุ
ดของมนุ
ษยชาติ
พร้
อมได้
สมญานามว่
าเป็
น “ราชาแห่
ง
อาหาร” (King of Food) ด้
วยความหวาน หอมและมั
นจาก
กะทิ
เผ็
ดร้
อนนิ
ดๆ จากเครื่
องเทศ เป็
นรสชาติ
ที่
กลมกล่
อม
ลงตั
วอย่
างมี
เอกลั
กษณ์
ทำ
�ให้
ผมนึ
กถึ
งบทความ “ตามรอย
สำ
�รั
บแขกคลองบางหลวง” โดย ธี
รนั
นท์
ช่
วงพิ
ชิ
ต ชาวคลอง
บางหลวงเชื้
อสายแขกเปอร์
เชี
ย แห่
งชุ
มชนกุ
ฎี
เจริ
ญพาสน์
ผู้
มี
บทบาทก่
อตั้
ง “ศู
นย์
ข้
อมู
ลประวั
ติ
ศาสตร์
ชุ
มชนธนบุ
รี
”
คุ
ณธี
รนั
นท์
เขี
ยนถึ
งมั
สมั่
นไว้
ตอนหนึ่
งว่
า
“...แม้
ปั
จจุ
บั
น (มั
สมั่
น) ถื
อเป็
นแกงพื้
นๆ ที่
มี
ขาย
ตามร้
านทั่
วไป ทว่
าสำ
�หรั
บพี่
น้
องชาวมุ
สลิ
มแล้
ว มั
สมั่
นถื
อ
เป็
นอาหารพิ
เศษ โดยเฉพาะในงานบุ
ญ เรี
ยกว่
าบ้
านไหนจั
ด
งานบุ
ญ อาหารหลั
กในสำ
�รั
บที่
พบบ่
อยที่
สุ
ด คงจะหนี
ไม่
พ้
น
มั
สมั่
น... คำ
�ว่
า “มั
สมั่
น” น่
าจะมาจากคำ
�ว่
า “มุ
สลิ
มาน” ใน
ภาษาเปอร์
เชี
ย อั
นเป็
นพหู
พจน์
ของคำ
�ว่
า “มุ
สลิ
ม” ที่
ใช้
เรี
ยก
ผู้
ที่
นั
บถื
อศาสนาอิ
สลาม...”
ต้
นตำ
�รั
บมั
สมั่
นจึ
งมาจากเปอร์
เชี
ย แต่
ชาวสยาม
มาปรุ
งแต่
งรสชาติ
ใหม่
ให้
กลมกล่
อมยิ่
งขึ้
น เช่
นเดี
ยวกั
บข้
าว
หมกไก่
ขนมลุ
ดตี่
หรุ่
ม มั
ศกอด ฯลฯ สะท้
อนให้
เห็
นว่
า
อาหารเป็
นอี
กหนึ่
งในวั
ฒนธรรมอั
นหลากหลาย ที่
คนไทย
และชาวอาเซี
ยน รั
บอิ
ทธิ
พลจากอารยธรรมอื่
นที่
เจริ
ญ
รุ่
งเรื
องมาก่
อน แล้
วนำ
�มาประยุ
กต์
ดั
ดแปลงให้
คุ้
นลิ้
นเราเอง
รวมอาหารไทยยอดนิ
ยม ได้
แก่
แกงเขี
ยวหวาน มั
สมั่
น ต้
มยำ
�กุ้
ง
และผั
ดไทย (จากซ้
ายไปขาว)
1...,108,109,110,111,112,113,114,115,116,117
119,120,121,122,123,124