Page 22 - E-Book Culture 02_20182
P. 22

เขมร ลาว ญวน จีน แขกอิสลาม แขกฮินดู แม้กระทั่งชนเผ่า

          พื้นเมืองทั่วไป บทบาทหน้าที่ของดนตรีเป็นทั้งสื่อประกอบ
          พิธีกรรมทางพุทธศาสนา ประกอบการแสดงนาฏศิลป์ โขน
          หนังใหญ่ และเป็นสื่อบันเทิงที่ใช้ขับกล่อมจิตใจผู้ฟัง
          การศึกษาหลักฐานเกี่ยวกับวงดนตรีไทยในสมัยอยุธยานั้น
          นอกจากเอกสารการเดินทางจดหมายเหตุของลาลูแบร์

          เอกอัครราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ แห่งฝรั่งเศส
          ซึ่งได้เข้ามาเจริญพระราชไมตรี ณ กรุงสยาม เมื่อ พ.ศ.
          ๒๒๓๐ สมัยปลายรัชกาลพระนารายณ์มหาราช หรือ
          วรรณคดีบางเล่มที่กวีอยุธยารจนาขึ้น เช่น บุณโณวาท
          ค�าฉันท์ ลิลิตยวนพ่าย เป็นต้น
              เครื่องดนตรีในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีครบถ้วนทั้งดีดสี

          ตีเป่า ในบางยุคสมัยประชาชนใฝ่ใจเล่นดนตรีกันมาก เช่น
          การกล่าวถึงในกฏมณเฑียรบาลสมัยพระบรมไตรโลกนาถ     ๑
          (พ.ศ. ๑๙๙๑-๒๐๓๑) ความว่า “…ห้ามร้องเพลงเรือ
          เป่าขลุ่ย เป่าปี่ สีซอ ดีดกระจับปี่ ดีดจะเข้ ตีโทนทับ

          ในเขตพระราชฐาน” แสดงให้เห็นได้ว่าชาวอยุธยาครั้งนั้น   ๑. ปิ๊จ ซารัต     โทนขลุ่ยฉิ่งฉาบระนาดฆ้อง
          มีความสนใจในเครื่องสายเป็นอย่างมาก และวงดนตรีที่ได้    ยอดนักจับเป็ยแขมร์    ประลองเพลงขับกล่อมพร้อมหน้า
          รับความนิยมอีกประเภทคือมโหรี ซึ่งมีซอสามสาย กระจับปี่   ๒. การรวมเป็นวงของ    จงเจริญศรีสวัสดิ์ทุกเวลา
          โทน ร�ามะนา ขลุ่ย กรับพวง และผู้ขับร้องล�าน�า มีการผูก    กระจับปี่เยาวชนไทย  ให้ปรีชาชาญเชี่ยวในเชิงพิณฯ
          ค�ากลอนเป็นบทมโหรีใช้ร้องส่งกันมาก              ๓. การบรรเลงกระจับปี่
              ขอพระเดชาภูวนาถ พระบาทปกเกล้าเกศี ข้าผู้      ประกอบนักขับร้อง            (เพลงยาวไหว้ครูมโหรี ครั้งกรุงศรีอยุธยา)

          จ�าเรียงเครื่องมโหรี ซอกรับกระจับปี่ร�ามะนา       ของแขมร์             นางขับขานเสียงแจ้ว  พึงใจ

                                                                              ตามเพลงกลอนกลใน    ภาพพร้อง
                                                                              มโหรีบรรเลงไฉน         ซอพาทย์
                                                                              ทับกระจับปี่ก้อง         เร่งเร้ารัญจวนฯ

                                                                                                  (จินดามณี กรุงศรีอยุธยา)

                                                                                  ตั้งแต่สุโขทัย เรื่อยมาจนกรุงศรีอยุธยา
                                                                              จนเข้าสู่กรุงรัตนโกสินทร์ เรื่องราวของ
                                                                              “กระจับปี่” มีปรากฏมาในเอกสารและความ
                                                                              ทรงจ�าเชิงคติชนวิทยาโดยตลอด หลักฐาน
                                                                              ส�าคัญมักปรากฏในงานจิตรกรรมฝาผนัง อาทิ
                                                                              ในพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ ในพิพิธภัณฑสถาน

                                                                              แห่งชาติพระนคร จิตรกรรมฝาผนังวิหาร
                                                                              พระนอนตรงเบื้องพระเศียรพระพุทธไสยาสน์
          ๒                                                                   ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นต้น


     20
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27