Page 21 - E-Book Culture 02_20182
P. 21

ทั้งหน้าหลัง มีความหนาประมาณ ๗ ซม.   กระจับปี่ในประวัติศาสตร์
                                     ด้านหน้ายาวประมาณ ๔๔ ซม. กว้างประมาณ  ดนตรีไทยลุ่มน�้าเจ้าพระยา

                                     ๔๐ ซม. ตรงด้านหน้ากะโหลกมีแผ่นไม้บางๆ        ดนตรีไทยมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง
                                     ท�าเป็นหย่องค�้าสายให้ตึงขึ้น มีการท�า “คอ”  ตั้งแต่โบราณกาลถึงปัจจุบัน การสืบค้นร่องรอย
                                     หรือ “คันทวน” เรียวยาวประมาณ ๑๓๘ ซม.  ของอดีตทางดนตรีไทยสามารถศึกษาได้จาก
                                     ตอนปลายคอหรือคันทวนมีลักษณะแบน  หลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายประเภท

                                     และบานปลายผายโค้งออกไปในแบบหางปลา  ไม่ว่าจะเป็นหลักศิลาจารึก รูปปูนปั้นตาม
                                     ถ้าวัดรวมทั้งคอ/คันทวนและตัวกะโหลก จะมี  โบราณสถาน  พงศาวดาร มีการกล่าวถึงดนตรี
                 ๓. กระจับปี่ไทย     ความยาวประมาณ ๑๘๐ ซม. มีลูกบิดส�าหรับ ไทยสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ปรากฏใน
                   มี ๔ สาย เป็นสายคู่
                   ทั้งสายบนสายล่าง  ขึ้นสาย ๔ อัน มีนมจัดระยะห่างของตัวโน้ต ๑๑  จารึกโบราณหลายชิ้นด้วยกัน
                                     นม กระจับปี่ที่นิยมของไทยมีสาย ๔ สาย แต่     สมัยพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พญาลิไท)
                 ๔. ลูกบิดของกระจับปี่
                   มี ๔ อัน ใช้ปรับแต่ง   รวบเสียงสองสายเป็นหนึ่งเสียงคู่กัน   พ.ศ. ๑๙๒๐ คราวที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท
                   เสียงของทั้ง ๔ สาย
                                         วิธีการสร้างเสียง เวลาบรรเลง ใช้นิ้ว  ณ เขาสมุนกูฎ มีจารึกไว้ว่า “…เสียงขันหมาก
                                     หัวแม่มือกับนิ้วชี้ของมือขวา จับไม้ดีดผลัก  ขันพลู บูชา อีกด้วย ดุริยพาทย์ พิณ ฆ้อง กลอง
                                     เขี่ยสายให้เกิดเสียง แล้วใช้นิ้วมือซ้าย กดไปตาม เสียงดั่งลื้น ดั่งดินจะถล่มอันไสร้…” ส่วน
                                     ระยะร่องของนม เป็นตัวโน้ตต่างๆ เทคนิคการ ข้อความในหลักศิลาจารึก หลักที่ ๑ มีว่า
                                     ควบคุมไม้ดีด มีการดีดทีละเสียงไล่เรียงกัน  “… ด�บงค�กลอย (กลอง) ด้วยเสียงพาทย์ เสียง

                                     เรียกว่า “เก็บ” และดีดรัวให้เสียงโน้ตตัวเดียวกัน พิณ เสียงเลื้อน เสียงขับ..”
                                     สั่นสะเทือนติดต่อกันยาวๆ เรียกว่า “กรอ”      ในหนังสือไตรภูมิพระร่วงกล่าวสรรเสริญ
                                     นอกจากนี้จะมีการสร้างเสียงกระทบควบสามตัว ในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราช มีว่า “เสียงนั้น
                                     โน้ต เรียกว่า “สะบัด” และ มีการ “รูดสาย”,  ดังเพราะหนักหนา และเพราะกว่าเสียงพาทย์
                                     “กล�้าเสียง”, “ครั่นเสียง” ในบางโอกาส   เสียงพิณ ฆ้อง กลองแตรสังข์ ฟังเสียงกลองใหญ่

                                         น�้าเสียงกระจับปี่ ตามอุดมคติของนัก กลองรวม กลองเล็ก และฉิ่งแฉ่ง บัณเฑาะว์
                                     ดนตรีไทยสายราชส�านัก จะมีความสุภาพ   เสนาะวังเวง ลางคนตีกลองตีพาทย์ฆ้องกรับ
                                     นุ่มนวล เสียงทุ้มต�่า ไม่แข็งกระด้าง เป็นฐาน สัพพทุกสิ่ง ลางจ�าพวกดีดพิณ และสีซอพุงตอ
                                     เสียงที่คอยรองรับหรือ “อุ้มเสียง” ของผู้ขับร้อง และกันฉิ่งริงร�าจับระบ�าเต้นเล่นสารพนักคุณ
                                     หรือเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่น�ามาประสมวง   ทั้งหลาย สัพพดุริยดนตรีอยู่ครื้นเครง”
                                                                                  การประสมวงของสุโขทัยนั้นมีการบรรเลง

                                                                             พิณ วงขับไม้ ปี่พาทย์เครื่องห้า วงเครื่อง
                          ๓                                                  ประโคม ส่วนเพลงไทยสมัยกรุงสุโขทัยไม่มี
                                                                             หลักฐานระบุไว้อย่างชัดเจน
                                                                                  ดนตรีไทยสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี

                                                                             นั้นส่วนหนึ่งวิวัฒนาการมาจากสมัยสุโขทัย และ
                                                                             มาจากการผสมผสานแลกรับปรับเปลี่ยนกับ
                                                                             วัฒนธรรมชาติพันธุ์ต่างๆ ที่เข้ามาข้องเกี่ยวใน
                                     ๔                                       เชิงการเมืองเศรษฐกิจสังคม ไม่ว่าจะเป็นมอญ


                                                                                               เมษายน - มิถุนายน ๒๕๖๑  19
   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26