Page 56 - Culture1-2018
P. 56

๑




              ร�ามะนาและบทเพลงที่แผ่วเสียง จะแว่วดังรัวกระชั้นขึ้นอีก    หลังเสร็จพิธีกรรม ผู้ชายที่มีพละก�าลังแข็งแรงจะช่วยกัน
          ครั้งผสานเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ผู้คนชวนกันร่ายร�ารอบปาจั๊ก  แบกปาจั๊กลงทะเลลึกที่สุดเท่าที่ตีนยังหยั่งถึงผืนทราย ก่อนจะ
          จนกว่าโต๊ะหมอจะส่งสัญญาณให้ท�าพิธี เล บา เล หรือ การลักน�้า  ปล่อยปาจั๊กให้ลอยไปในทิศทางตามความเชื่อ แต่สมัยนี้จะน�า

          ทะเลที่ก�าลังขึ้นสูงสุดสาดใส่กัน ครั้นย�่ารุ่งโต๊ะหมอจะจุดเทียน ปาจั๊กลงเรือหัวโทงแล่นออกไปไกลก่อนจะส่งลงฝ่าคลื่นลมกลาง
          ประกอบพิธีกรรมตรง ปาจั๊กหรือเรือจ�าลอง  พร้อมกับร่ายบทสวด ทะเล นั่นเพราะทุกวันนี้น�้าทะเลและกระแสลมเปลี่ยนแปลงไป
          และก�าข้าวตอกไล่สิ่งไม่ดีต่างๆ ออกไปจากผู้คนที่มาร่วมพิธีกรรม  อย่างยากจะคาดเดา จึงต้องน�าปาจั๊กลงเรือไปลอยให้ไกล
          ก่อนซัดข้าวตอกลงในปาจั๊กให้น�าพาเคราะห์กรรมสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ด้วยว่าตามความเชื่อนั้นหากเรือที่ลอยไปหวนกลับมาหมู่บ้าน
          ล่องไปให้พ้นหมู่บ้าน                                 อาจมีเคราะห์หามยามร้ายเกิดขึ้น

              พิธีลอยเรือ จะว่าไปก็คล้ายกับพิธีกรรมของกลุ่มชนอื่นๆ      หลังจากลอยเรือในรุ่งเช้าและพักผ่อนกันพอสมควร ตกบ่าย
          ที่เกี่ยวโยงกับการน�าพาสิ่งไม่ดีออกไป การเสียเคราะห์สะเดาะ วันเดียวกันนั้นกลุ่มผู้ชายจะช่วยกันตัดไม้เพื่อน�ามาประกอบเป็น
          เคราะห์ ซึ่งมักจะมีสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตอยู่ในภาชนะ ไม้กันผี ส่วนผู้หญิงจะรับหน้าที่เตรียมใบกะพ้อส�าหรับตกแต่ง
          ที่จะลอยด้วย ในปาจั๊กของอูรักลาโว้ยมีรูปฝากเป็นตัวแทน  ประกอบพิธีให้สมบูรณ์เสร็จแล้วจะจัดขบวนแห่ไปรอบเมือง  ก่อน
          สิ่งไม่ดีต่างๆ รวมถึงรูปสัตว์ที่กินในชีวิตประจ�าวัน ด้วยถือว่า น�ากาหยูพาหะดั๊ก ไปปักไว้ในพื้นที่เดียวกับที่เคยวางเรือไม้ระก�า
          เป็นการส่งวิญญาณสรรพสัตว์เหล่านี้คืนเจ้าของ เพื่อขอขมา  เพื่อให้โต๊ะหมอท�าพิธี จากนั้นก็เป็นห้วงเวลาแห่งการร้องเล่น

          และไถ่บาป                                            ร�ามะนาและร่ายร�าบูชาไม้กันผีกันตลอดคืน จนย�่ารุ่งจึงมีพิธีกรรม

     54
   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61