Page 35 - Culture4-2017 วารสารวัฒนธรรม ปีที่ ๕๖ ฉบับที่ ๔ ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๖๐
P. 35

ภาพ ๑ ผ้าเบี่ยงของหญิงผู้ไท  ผ้าแพรวานั้นคนผู้ไทให้ความหมายรวมถึง  เอกลักษณ์ของแต่ละครอบครัว หรือแต่ละกลุ่มผู้ไท
            นิยมถักทอละเอียดและใช้สีแดง   ผ้าทอเป็นผืนที่มีความยาว ๑ วา หรือราวหนึ่งช่วงแขน  ที่แยกย่อยไปตามการลงหลักปักฐาน
            เพื่อให้ตัดกับเสื้อด�าอันเป็นสีพื้น
            เพิ่มความงดงามโดดเด่นให้กับ  ลวดลายโบราณถูกถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ พวกเขา   จากการสืบสานลายโบราณที่สั่งสอนกันผ่าน
            อาภรณ์ของชาติพันธุ์ที่เป็นเอก  มักเลือกใช้ในงานบุญและเทศกาลส�าคัญต่าง ๆ โดย  ผ้าแซ่ว หญิงผู้ไทเต็มไปด้วยจินตนาการ พวกเธอรู้จัก
            ในเรื่องผ้าทอ        เชื่อกันว่าหญิงผู้ไทนั้นจ�าเป็นต้องตัดเย็บผ้าทอได้   การเลือกสีและย้อมด้วยวัสดุธรรมชาติ อย่างครั่ง ขี้เถ้า
            ภาพ ๒-๓ ผ้าแพรวาเกี่ยวเนื่อง
            กับเทศกาลงานบุญต่าง ๆ ของ  ๓ อย่าง เสื้อด�า ต�าแพร และซิ่นไหม ซึ่งค�าว่า “ต�าแพร”   ดิน หรือเปลือกไม้
            คนผู้ไทอย่างแยกกันไม่ออก   นั้นบ่งบอกชัดเจนถึงการทอผ้าแพรวา          ลวดลายผ้าแพรวาที่ตกทอดเป็นเอกลักษณ์นั้น
            โดยเฉพาะเมื่อมีงานบุญต่าง ๆ   เด็กหญิงผู้ไทจะถูกแม่เฒ่าสั่งสอนให้รู้จัก  แยกออกเป็น ๓ ส่วน คือ ลายหลัก ลายคั่น และลาย
            ถือว่าผ้าแพรวาคือหน้าตาของ
            หญิงผู้ไท โดยพวกเธอต้อง   ทั้งการทอและลวดลายโบราณตั้งแต่เด็ก ๆ พวกเธอ ช่อปลายเชิง
            ตัดเย็บผ้าทอได้ ๓ อย่าง คือ   เริ่มต้นที่ “ผ้าแซ่ว” ผ้าไหมทอพื้นสีขาวที่มีลวดลาย  ลายหลัก คือ ลายขนาดใหญ่ที่ปรากฏอยู่ใน
            เสื้อด�า ต�าแพร และซิ่นไหม
                                 ดั้งเดิมทอไว้เป็นแม่แบบอันส่งต่อมาจากรุ่นบรรพบุรุษ  ผืนผ้าทอ เช่น ลายนาค ลานพันธุ์มหา ลายดอกสา โดย
                                 ว่ากันว่าลวดลายบางชนิดเป็นมรดก บ่งบอกได้ถึง แยกย่อยออกไปเป็นลายนอก ลายใน และลายเครือ



                                                                                             ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๐    33
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40