Page 22 - Culture3-2017
P. 22
๑
มนต์เสน่ห์เสียงแคน ตามหลักสากล แคนเป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่า
แคน เป็นเครื่องดนตรีที่มีความพิเศษทั้งรูปทรง วัสดุที่ใช้ จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องลม (Wind Instrument) ชนิดที่มีลิ้นเสียง
และลักษณะของเสียง ถ้าดูจากภายนอก ตัวแคนหรือที่เรียกว่า อิสระ เสียงแคนเกิดจากการเป่า และการดูดกระแสลมผ่าน
๑
กู่แคน ท�าจากไม้ไผ่น้อย หรือไม้อ้อ (ซึ่งหายากแล้วปัจจุบันใช้ ลิ้นโลหะที่ฝังอยู่ในรูบากข้างล�าท่อ และใช้นิ้วมือทั้งสองข้าง
ไม้เหี้ยน้อยแทน) ขนาดเท่านิ้วมือมาเป็นลูกแคน ยาวลดหลั่นกัน ปิดเปิดรูนับเพื่อควบคุมระดับเสียง
ตามล�าดับ ถ้าเป็นแคนน้อย (ยาวหนึ่งศอกหนึ่งคืบ ยาวสองศอก และ แม้จะมีลิ้นโลหะแต่เสียงก็มีความนุ่มนวลจากวัสดุ
ยาวสองศอกหนึ่งคืบ) และแคนใหญ่ (ยาวสามศอก ยาวสามศอก ก�าทอนเสียงที่เป็นไม้ อีกทั้งเสียงเป่าที่ออกมาเป็นเสียงคู่ท�าให้
หนึ่งคืบ สี่ศอก และสี่ศอกหนึ่งคืบ) บ้างก็เคยพบที่ยาวถึงหกศอก ถ้ามี เสียงแคนมีมิติมากขึ้น ยิ่งต้นก�าเนิดของเสียงมาจากลมหายใจ
ลูกแคน ๗ คู่ ก็เรียก แคนเจ็ด ๘ คู่ ก็เรียก แคนแปด กู่แคนจะประกอบ ของผู้เป่าด้วยแล้ว ยิ่งท�าให้ทุกตัวโน้ต ทุกท่วงท�านองเสมือนมีชีวิต
เข้ากับเต้าแคนซึ่งเป็นส่วนส�าหรับเป่า ท�าจากไม้ตะเคียน ไม้ประดู่ มีจิตวิญญาณ นี่คือมนต์เสน่ห์ของเครื่องเป่าที่เรียกว่าแคน
หรือไม้น�้าเกลี้ยง แล้วใช้ขี้ผึ้งหรือชันโรงผนึกติดกันและปิดทั้ง
ข้างบนและข้างล่างเต้าเพื่อไม่ให้ลมรั่วออก แล้วยังมีลิ้นแคน รูแพว ลายแคนบอกเล่าชีวิต สะท้อนจิตวิญญาณ
และรูนับเสียง ข้างในของแต่ละล�าลูกแคนประกอบด้วยลิ้นแคนหนึ่งอัน แคนเป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่ชาวอีสานและคนสอง
เท่ากับหนึ่งเสียง ฝั่งโขงเล่นกันมาช้านาน พลบค�่าหลังเลิกงานไร่งานนา หนุ่ม ๆ
ทองจันทร์ ศรไชย หมอแคนแห่งเมืองอุบล ผู้ที่เติบโต ก็มักถือแคนไปเป่าเลาะบ้านสาว หรือบางบ้านก็นั่งพักผ่อน
และอยู่กับแคนมากว่า ๗๐ ปี เล่าว่า “เวลาเป่าแคน ก็คือ การหายใจ พูดคุยกัน และเล่นแคนไปด้วย ใครผ่านมาก็จะชวนมาร่วมวง
ผ่านแคน ผู้ที่ฝึกใหม่จะต้องฝึกตั้งแต่การสูดหายใจเข้าและปล่อยลม เล่นกันสนุกสนาน ท่วงท�านองของการบรรเลงเพลงแคนที่
หายใจออกผ่านเต้าแคนให้เกิดเสียง และต้องฝึกท�าให้เป็นจังหวะ เรียกกันว่า ลายแคน จึงมักเป็นการเลียนเสียงธรรมชาติ หรือ
สม�่าเสมอ เมื่อท�าได้จึงค่อยฝึกเล่นเป็นเพลง เสียงแคนยังพิเศษมาก สิ่งที่อยู่ในชีวิตประจ�าวัน วิถีเช่นนี้ท�าให้เสียงแคนกลายเป็น
ตรงที่ตัวโน้ตตัวเดียว ถ้าเป่าจะออกเป็นเสียงคู่ หรือจะเลือกปิดรู สายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงคนอีสานกับบ้านเกิด
ให้ออกเสียงเดี่ยวก็ได้” ๒
๑ สมบัติ ศรีสิงห์. “ดนตรีพื้นบ้านอีสาน...แคน.” ชมรมศิลปวัฒนธรรมอีสาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. http://www.isan.clubs.chula.ac.th/dontri//
index.php?transaction=kaen.php (สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๐).
20