Page 25 - Culture3-2017
P. 25
ส่วนหนึ่งของเรื่องเล่าปรัมปรากล่าวถึงก�าเนิดของแคน ว่า หมอแคน ผู้ถ่ายทอดลมหายใจแห่งแคน
หญิงหม้ายผู้หนึ่งหลงใหลในเสียงนกกรวิกหรือการเวก จึงพยายามหา ผู้ที่ช�านาญในการเป่าแคน เรียกว่า หมอแคน คนเป็นหมอแคน
วิธีสร้างเครื่องดนตรีเลียนเสียงนก และได้ไปตัดไม้ไผ่น้อยชนิดหนึ่ง ได้นั้นไม่ใช่เพียงแค่เป่าแคนได้เท่านั้น แต่ต้องช�่าชองลายแคน
มาลองประดิษฐ์เป็นเครื่องเป่า เห็นว่าเข้าที จึงแก้ไขดัดแปลง มีพื้นฐานการใช้ลมเป่าแบบทั้งสั้นและยาว ต้องมุ่งมั่นฝึกฝน พัฒนา
จนได้เสียงและท่วงท�านองไพเราะแล้ว น�าไปเป่าถวายพระเจ้า- ตัวเองอย่างสม�่าเสมอ เพราะจะเล่นให้เพราะมากกว่าการเป่าใน
ปเสนทิโกศล เพลงแรกยังไม่ดีนัก จึงเป่าซ�้าอีกหลายเพลงจนถึง ระดับพื้นฐานต้องสังเกตและสร้างสรรค์ลีลาการเป่าที่เป็นเอกลักษณ์
เพลงสุดท้าย พระองค์จึงชมว่า “เทื่อนี่ แคนแด่” (ครั้งนี้ดีขึ้นหน่อย) ของตนเองได้ด้วย จากประสบการณ์ของครูทองจันทร์ ศรไชย
เมื่อหญิงหม้ายถามว่าจะเรียกเครื่องดนตรีนี้ว่าอย่างไร พระองค์ ที่เป็นหมอแคนอายุ ๗๐ ที่ยังขึ้นเวทีเป่าได้ไม่แพ้หมอแคนหนุ่ม
จึงให้เรียกชื่อว่า “แคน” ๒ เล่าว่า “หมอแคนส่วนใหญ่ ๖๐-๗๐ ถ้าฟันหมดก็เล่นไม่ได้แล้ว
บ้างก็เชื่อว่าน่าจะมาจากชื่อไม้ตะเคียนที่ชาวอีสานเรียก เพราะฟันกับลิ้นท�างานประสานกันเป็นตัวก�าหนด เหมือนกับ
“ไม้แคน” เพราะน�าไม้นี้มาท�าเต้าแคน บ้างตั้งข้อสังเกต เหตุที่เชื่อว่า การผิวปาก ถ้าไม่มีฟันก็กักลมยาก การเป่าแคนต้องมี หนึ่งสมอง
หญิงหม้ายเป็นผู้สร้างนั้น ดูจากส่วนประกอบส�าคัญของแคน เป็นตัวส่ง คือ คิดว่าจะเล่นแบบไหนอย่างไรให้เพราะ สอง ลม
คือ ปากเป่ารูปร่างเป็นกระเปาะคล้ายเต้านมของสตรี ซึ่งเรียกว่า เป็นตัวก�าหนด เป่าออกและสูบเข้าต้องให้เสียงเสมอกัน ตอนฝึก
“เต้าแคน” และลักษณะนามของแคนก็ใช้ค�าว่า “เต้า” และเสียง ต้องฝึกลมให้ได้ก่อนถึงมาเรียนตัวโน้ต และสาม คือ นิ้ว เป็นตัวเดิน
ไพเราะอ่อนหวานของแคนที่บ้างก็ว่าคล้ายเสียงร้องของนกการเวก ถ้าลมกับนิ้วไม่ประสานกันก็ไม่เพราะ แม้จะท่องโน้ตได้ แต่ถ้าล�า
บ้างก็ว่าคล้ายเสียงของหญิงหม้ายผู้ว้าเหว่เดียวดาย ใส่แคนไม่เป็น ก็เล่นไม่ได้”
๒ ๓
กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๐ 23