Page 58 - CultureMag2015-1
P. 58

 

 ภาวนา

            บุญประเภทสุดท้ายคือ “ภาวนา” การที่ภาวนากุศล
     เป็นบุญสูงสุดนั้น เป็นเพราะว่าสามารถก�าจัดกิเลสได้ทงั้ สาม
     อยา่ ง คอื  ความโลภ ความโกรธ และความหลง  กลา่ วคอื  ใน
     ขณะทีป่ ฏิบัตภิ าวนาก็สามารถก�าจัดความโลภต่างๆ ได้ เช่น 
     หากคลายความยึดติดในตัวตน ลดความเห็นแก่ตัวลงได้ 
     บญุ ยอ่ มเกดิ เพราะเปน็ การละวาง 

            แต่หากท�าภาวนากุศลเพราะหวังให้ใบหน้าดูอ่อน
     เยาว์กว่าวัย หรือเพื่อให้ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เหล่านี้
     ย่อมไม่เป็นบุญเพราะถูกความโลภครอบง�าแทนที่จะเป็นการ
     ท�าลายความโลภ  ในขณะปฏิบัตภิ าวนากุศล หากสามารถ
     อดทนอดกลั้นจากความโกรธต่างๆ ทีเ่ กิดขึ้นได้ก็จะสามารถ
     ละโทสะลงได ้ บญุ จงึ เกิดขึ้น 

            แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อท�าภาวนากุศลแล้ว พอรถติดไฟแดง
     แล้วยังหงุดหงิด ใครขับรถปาดหน้าก็ไม่ได้ต้องสบถใส่หรือ 
     แซงกลับ ยิง่ ปฏิบัติธรรมยิ่งขี้โกรธ  การภาวนาแบบนีไ้ ม่เป็น
     บญุ เพราะไมส่ ามารถละโทสะได้ 

            การท�าภาวนากุศลถือเป็นบุญสูงสุดอนั เป็นเหตุ
     โดยตรงนัน้  ก็เพราะว่าการเจริญภาวนาสามารถฆ่าหัวหน้า
     กเิ ลสท้ังหลายได ้ นน่ั กค็ อื ความหลงหรอื โมหะ  เพราะเม่อื เรา
     เจริญภาวนาจนปัญญาแก่กล้าแล้วก็ย่อมทา� ลายความหลง 
     หรือความโง่ต่างๆ ได้ เกิดปัญญารู้แจ้งในสัจธรรมตามความ
     เปน็ จริงไดใ้ นทีส่ ุด

            จงึ ไมใ่ ชเ่ พยี งเพราะวา่ เราไปนงุ่ ขาวหม่ ขาว น่งั หลบั ตา 
     เดินจงกรม หรือกินมังสวิรัตแิ ล้วจะได้บุญ  กิริยาอาการเหล่า
     นั้นเป็นเพียงรูปแบบของบุญ แต่การภาวนาเป็นบุญกุศลทีส่ ูง
     กว่าทงั้ ทานและศีลเพราะสามารถท�าลายกิเลสหรือความเลว
     ของเราได้มากกว่า  

          เราจึงเห็นว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยจึงมัก 
    ท�าทานได้มากกว่าการรักษาศีล  และรักษาศีลได้
    มากกวา่ การเจรญิ ภาวนา ด้วยประการฉะนี้  

56 วฒั นธ รม
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63