นิตยสารวัฒนธรรม ฉบับ ๓ ปีพ.ศ.๒๕๕๗ - page 98

98
สมั
ยถั
ดมาเป็
นเครื่
องปั
นดิ
นเผาแบบ “พระเจ้
ชั
ยวรมั
นที่
๖” ลั
กษณะคล้
ายแบบบาปวน มี
รอยแตกเป็
ริ้
ว ส่
วนใหญ่
เป็
นเครื่
องใช้
ในครั
วเรื
อน เช่
น ถ้
วย ชาม ครก
ไห มี
อายุ
ราวพุ
ทธศตวรรษที่
๑๖ ถึ
งต้
นพุ
ทธศตวรรษที่
๑๗
ในราชอาณาจั
กรกั
มพู
ชา จะพบแหล่
งเตากระจายตั
วอยู
ในบริ
เวณตามแนวถนนราชมรรคาทั้
ง 5 สายที่
ออกไปจาก
เมื
องพระนครหลวง ส่
วนในเขตอี
สานใต้
พบมากแถบ
กลุ
มเตาสวาย กลุ
มเตาละหอกตะแบง กลุ
มเตาบ้
านถนนน้
อย
ของอ�
ำเภอบ้
านกรวด จั
งหวั
ดบุ
รี
รั
มย์
ต่
อมาวิ
วั
ฒนาการเป็
นเครื่
องเคลื
อบแบบนครวั
มี
สี
น�้
ำตาล หรื
อสี
ขาวนวล ภาชนะเนื้
อบาง มี
รู
ปทรงต่
างๆ
อายุ
ในราวปลายพุ
ทธศตวรรษที่
๑๖–๑๗ ในกั
มพู
ชาพบ
โดยทั่
วไป โดยเฉพาะกลุ
มเตาซาเส กลุ
มเตาคนั
นโพ กลุ
เตาทั
พเจย ส่
วนในประเทศไทย จะพบตามแหล่
งเตาใน
อ�
ำเภอบ้
านกรวด อ�
ำเภอประโคนชั
ย อ�
ำเภอล�
ำปลายมาศ
อ�
ำเภอนางรอง จั
งหวั
ดบุ
รี
รั
มย์
และอ�
ำเภอพิ
มาย อ�
ำเภอโนนสู
ในจั
งหวั
ดนครราชสี
มา
ยุ
คสุ
ดท้
าย เรี
ยกว่
าเครื่
องปั
นแบบบายน เป็
เครื่
องเคลื
อบที่
มี
เนื้
อดิ
นเผาหนา สี
เข้
ม เคลื
อบภาชนะด้
วย
น�้
ำเคลื
อบสี
ด�
ำหรื
อน�้
ำตาลออกด�
ำเป็
นพื้
น รู
ปทรงเป็
นไห
หรื
อคนโท และแจกั
นใบใหญ่
เครื่
องเคลื
อบแบบนี้
จะมี
อายุ
ระหว่
างพุ
ทธศตวรรษที่
๑๗–๑๙ ซึ่
งเป็
นช่
วงสุ
ดท้
ายของ
การผลิ
ตเครื่
องปั้
นดิ
นเผาในเขตเมื
องพระนครหลวง ภาชนะ
ในยุ
คนี้
พบทั่
วไปในเขตราชอาณาจั
กรกั
มพู
ชาและในเขต
จั
งหวั
ดบุ
รี
รั
มย์
ศรี
สะเกษ สุ
ริ
นทร์
นครราชสี
มา ของไทย
ส�
ำหรั
เครื่
องปั
นดิ
นเผาของประเทศไทย
เรานั้
ถื
อได้
ว่
าเป็
นประเทศหนึ่
งในกลุ
มประเทศอาเซี
ยนที่
มี
ประวั
ติ
ศาสตร์
ในเรื่
องการผลิ
ตเครื่
องปั
นดิ
นเผามาอย่
าง
ยาวนานที่
มี
ชื่
อเสี
ยงไปทั่
วโลกคื
แหล่
งโบราณคดี
บ้
านเชี
ยง
ที่
อ�
ำเภอหนองหาน จั
งหวั
ดอุ
ดรธานี
เป็
นแหล่
งทรั
พย์
สิ
ทางวั
ฒนธรรมที่
ส�
ำคั
ญของประเทศไทย ที่
ขุ
ดค้
นพบ
เครื่
องปั
นดิ
นเผาโบราณวั
ตถุ
และหลั
กฐานทางโบราณคดี
ประเภทต่
างๆ อั
นเป็
นหลั
กฐานส�
ำคั
ญที่
แสดงถึ
งวั
ฒนธรรม
สมั
ยก่
อนประวั
ติ
ศาสตร์
ที
มี
พั
ฒนาการทางด้
านวิ
ทยาการและ
ศิ
ลปะที่
เจริ
ญรุ่
งเรื
องสื
บต่
อกั
นมานั
บพั
นๆ ปี
วั
ฒนธรรมบ้
านเชี
ยงจึ
งนั
บว่
าเป็
นวั
ฒนธรรมเก่
าแก่
ที่
มี
ความส�
ำคั
ญแห่
งหนึ่
งของโลก เมื่
อประมาณ๕,๖๐๐ปี
มาแล้
มี
หลั
กฐานที่
แสดงให้
เห็
นถึ
งความเจริ
ญทางด้
านเทคโนโลยี
เช่
นการผลิ
ตภาชนะดิ
นเผา โดยเป็
นการประดิ
ษฐ์
ที่
มี
วิ
ธี
การ
เป็
นของตนเอง มิ
ได้
รั
บอิ
ทธิ
พลจากจี
น เศษภาชนะดิ
นเผาที่
ขุ
ดพบ มี
การตกแต่
งด้
วยการเขี
ยนเป็
นลายสี
แดง แบ่
งออก
เป็
น ๓ ยุ
คคื
ยุ
คแรก
เครื่
องปั
นดิ
นเผาจะมี
ลั
กษณะเป็
นทรงที่
ใช้
งานในชี
วิ
ตประจ�
ำวั
นเช่
น ถ้
วย ชาม ภาชนะต่
างๆ และเป็
ลายขู
ดขี
ดธรรมดา
ยุ
คที่
สอง
เริ่
มมี
การใช้
สี
แดง วาดลวดลายแต่
งแต้
เครื่
องปั้
นดิ
นเผาประมาณครึ่
งใบ
ยุ
คที่
สาม
มี
การวาดลวดลายสวยงามเต็
มใบใน
เครื่
องปั
นดิ
นเผา ลายที่
พบมากที่
สุ
ดคื
อมี
ลั
กษณะเหมื
อน
ลายก้
นหอย
คนโทรู
ป "พระโพธิ
สั
ตว์
สมั
นตสุ
ข" (พระผู้
มองรอบด้
าน)
อายุ
ในราวพุ
ทธศตวรรษที่
๑๘ แหล่
งเตาในเขตจั
งหวั
ดบุ
รี
รั
มย์
I...,88,89,90,91,92,93,94,95,96,97 99,100,101,102,103,104,105,106,107,108,...122
Powered by FlippingBook