Page 88 - E-Book Culture 02_20182
P. 88
ภาพมุมสูงของบ้านเหมืองกุง
หม้อน�้า ที่บรรจงเขียนลายลงไปอย่างวิจิตร โดยคุณ วชิระ สีจันทร์ ท�าให้เห็นว่าในอดีตจะเป็นทุ่งนาอยู่โดยรอบ
ในช่วงปี พ.ศ. ๒๓๒๕ – ๒๓๕๖ มีชาวไตที่ถูกกวาดต้อนจากเมืองต่างๆ ส่วนหนึ่ง
เป็นชาวไตซึ่งมาจากจากเมืองปุ เมืองสาด รัฐเชียงตุง ได้อพยพมาเข้ามาอยู่อาศัยยัง
หมู่บ้านแห่งนี้ ครั้งแรกก็มีเพียง ๕ ครัวเรือน ๕ นามสกุลเท่านั้น คือ นามสกุล ฟักทอง,
สืบค�าเปียง, ศรีจันทร์ (สีจันทร์), สืบสุริยะ, และกาวิโรจน์, ที่สืบทอดกันมาถึง ณ วันนี้
หนึ่งใน ๕ นามสกุล คือคุณ วชิระ สีจันทร์ ที่ด�ารงต�าแหน่งเป็นพ่อหลวง (ผู้ใหญ่บ้าน)
ของหมู่บ้านเหมืองกุง ในปัจจุบัน
จากหนังสือ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี (พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฉลองกู่
๑๐๐ ปี) ได้มีข้อความหนึ่งเขียนไว้ว่า “พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหา
ราชปดิวรัดา เสด็จประพาสมณฑลพายัพ ในปีพุทธศักราช ๒๔๗๐ ณ นครเชียงใหม่ งานปั้นฝาถ้วย ฝาหม้อต่างๆ
ในการรับเสด็จครั้งนั้น พระราชชายา เจ้าดารารัศมี และเจ้าแก้วนวรัฐ เตรียมการ ก็เป็นงานที่ใช้กันมาก
รับเสด็จเป็นแรมปี ทรงฝึกช่างฟ้อนวัง และช่างฟ้อนคุ้ม รวมกันเพื่อแสดงถวายให้
ทอดพระเนตร ในวันเสด็จถึงนครเชียงใหม่นั้น พระวิมาดาเธอฯ เสด็จถึงก่อนหมาย จากอดีต ชาวบ้านต้องท�านาเพื่อน�า
ก�าหนดการจึงเสด็จไปเยี่ยมพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ถึงที่ประทับเหมืองกุง ข้าวเปลือกที่ได้ไปส่งให้เจ้ากาวิโรรส
ในอ�าเภอหางดง” (ผู้แต่ง เจ้าวงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่) บทความนี้แสดงให้เห็นว่า สุริยวงศ์ (โอรสของเจ้ากาวิละ) ในช่วง
บ้านเหมืองกุงในอดีตนั้นมีความส�าคัญอยู่มิใช่น้อย หน้าแล้งที่ไม่ได้ท�านา ชาวบ้านก็จะขุดดิน
บริเวณของหมู่บ้านน�ามาปั้นเป็น หม้อน�้า
(ภาษาถิ่นหมายถึงหม้อน�้าดื่ม) และน�้าต้น
(ภาษาถิ่นหมายถึงคนโฑ) เพื่อท�าไว้ใช้เอง
ใช้รับแขก หรือน�าไปถวายสังฆทาน
ถวายวัดในพิธีทางพุทธศาสนามาอย่าง
เนิ่นนาน จนการปั้นกลายเป็นวิถีชีวิตของ
ชาวบ้าน หากหม้อน�้าและน�้าต้นมีเหลือใช้
ก็จะน�าไปขายเพื่อหารายได้จุนเจือให้กับ
น�้าต้นแบบในยุคแรกๆ หม้อก๊อก (หม้อที่ติดก๊อกน�้า) ครอบครัว
ยุคหนึ่งซึ่งเคยเป็นที่นิยม
86