Page 56 - Culture3-2017
P. 56
๑
ต้องตามฤดูกาล พระเจ้าฝนแสนห่าเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย และหากกล่าวถึงพิธีกรรมขอฝนที่คนไทย
เชียงแสนลังกา ปัจจุบันประดิษฐานที่วัดช่างแต้ม ชาวเชียงใหม่นับถือว่าเป็น รู้จักดีหรือเคยรับรู้กันมา คงได้แก่พิธีแห่นางแมว
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมานับแต่อดีต จึงถูกอัญเชิญเข้าร่วมขบวนแห่ ที่จัดกันทั้งภาคกลางและอีสาน มีที่มาจากความเชื่อ
รอบเมืองในโอกาสวันส�าคัญต่าง ๆ ของเชียงใหม่อยู่เสมอ ที่ว่าแมวเป็นสัตว์เก้าชีวิต เสียงแมวร้องเป็นสัญญาณ
ดังเช่นในงานประเพณีบูชาเสาอินทขิลของวัดเจดีย์หลวง ก็มีการอัญเชิญ ว่าโลกก�าลังเดือดร้อน ทวยเทพจึงบันดาลให้ฝนตก
พระเจ้าฝนแสนห่าขึ้นประดิษฐานรถบุษบกแห่ไปรอบเมืองเพื่อให้ชาวเชียงใหม่ เพื่อสร้างความฉ�่าเย็น หรืออีกความเชื่อหนึ่งที่ว่า
ได้สรงน�้าด้วยจิตศรัทธา จากนั้นจึงอัญเชิญมาประดิษฐานที่หน้าวิหารวัดเจดีย์หลวง แมวเป็นสัตว์ที่เกลียดฝน ชาวบ้านจึงถือเคล็ดว่าหาก
ติดกับวิหารเสาอินทขิล ให้คนได้กราบไหว้บูชาเป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน แมวร้องจะเป็นเหตุให้ฝนตก
ส่วนทางภาคกลางนั้นก็มีพระราชพิธีพิรุณศาสตร์ หรือพระราชพิธี พิธีแห่นางแมวมักจัดในช่วงบ่ายคล้อย ชาวบ้าน
เดือน ๙ ซึ่งเป็นพระราชพิธีโบราณที่บูชาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดลบันดาลให้ฝนตก จะหานางแมวสีด�า หรือบางท้องถิ่นใช้แมวสีอื่นก็ได้
มีมานับแต่สมัยสุโขทัย สืบเนื่องมาถึงสมัยอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ ดังเช่น น�ามาขังใส่กระทอหรือเข่งมีฝาปิดด้านบน สอดไม้คาน
หลักฐานจากจิตรกรรมฝาผนังที่วัดเสนาราม จังหวัดอยุธยา ก็มีภาพพระราชพิธี ให้สองคนหาม แล้วตั้งขบวนแห่ไปในหมู่บ้าน เมื่อถึง
พิรุณศาสตร์ ซึ่งในภาพจะเห็นพระสงฆ์อยู่ในพระที่นั่งองค์เล็ก ด้านหน้าพระที่นั่ง เรือนใดคนก็วิดน�้าหรือสาดน�้าใส่เพื่อให้แมวร้อง
มีบุรุษนุ่งขาวห่มขาวเกล้ามวยแบบพราหมณ์ก�าลังท�าพิธีบวงสรวง ด้านนอกก�าแพง ผู้น�าท�าพิธีก็ร้องค�าเซิ้งแห่นางแมว คนในขบวนแห่
มีเด็กก�าลังเล่นว่าว คนก�าลังจับปลาในนา บางคนป้องตามองดูท้องฟ้า ก็ว่าตาม
54